หมอธีระ เปิดข้อมูลวิจัย ติดโควิด-19 เสี่ยงตรวจพบโรคอะไรเพิ่มขึ้นอีก

หมอธีระ เปิดข้อมูลงานวิจัยจากต่างประเทศ ติดโควิด-19 เสี่ยงตรวจพบโรคอะไรเพิ่มขึ้นอีก ย้ำฉีดเข็มกระตุ้น-ป้องกันตัวเองอย่าการ์ดตก

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ภายหลังจากที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิดติดเชื้อโอมิครอน หรือ โอไมครอน (Omicron) สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลายราย ขณะที่ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอน สายพันธุ์ BA.2.75 รายแรกในประเทศไทยที่จังหวัดตรัง ซึ่งตอนนี้รักษาตัวจนหายจากอาการป่วยแล้ว  แต่ก็สร้างความกังวลให้กับประชาชนว่าจะมีการระบาดรุนแรงภายในประเทศอีกครั้งหรือไม่ 

 

หมอธีระ เปิดข้อมูลวิจัย ติดโควิด-19 เสี่ยงตรวจพบโรคอะไรเพิ่มขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 65 หมอธีระ หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยข้อมูลงานวิจัยจากอังกฤษ ซึ่งพบว่าการติดเชื้อโควิด-19 จะเสี่ยงต่อการตรวจพบโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น  โดยเบาหวานเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 81 ในช่วงติดเชื้อระยะแรก และร้อยละ 27  ในช่วง 4-12 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ ส่วนโรคหัวใจและหลอดเลือด ตรวจพบเพิ่มขึ้นประมาณ  6 เท่าในช่วงติดเชื้อระยะแรก และจะค่อยๆ ลดลงหลังจาก 4-12 สัปดาห์หลังติดเชื้อ


ผลการศึกษานี้ย้ำเตือนให้เข้าใจถึงความสำคัญในการป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ และหากติดเชื้อแล้ว ต้องดูแลตัวเองแล ระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน  ออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อเรื่องเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย

 

หมอธีระ เปิดข้อมูลวิจัย ติดโควิด-19 เสี่ยงตรวจพบโรคอะไรเพิ่มขึ้นอีก

ส่วนผลวิจัยจากสหรัฐฯ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ จำนวน 3 เข็ม กับสายพันธุ์โควิด-19  เช่น วัคซีนชนิด mRNA  ทั้ง 3 เข็ม   หรือ วัคซีนชนิดเชื้อตาย 2 เข็ม (ซิโนฟาร์ม การทดลองนี้ไม่มีวัคซีน ซิโนแวค) และตามด้วย mRNA  ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนต่างๆ ทั้ง BA.1, BA.2, BA.2.12.1, และ BA.5 ได้  ดังนั้นการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็มจึงไม่เพียงพอต่อการระบาดของ BA.5 ในขณะนี้ จึงจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นหรือเข็ม 3  หรือเข็ม 4 เพื่อให้เพียงพอรับมือกับการระบาด  นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยที่จะช่วยลดความเสียงในการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อได้ 

 

ขอบคุณ FB : Thira Woratanarat

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline