สแกน QR CODE จ่ายเงินต้องระวัง เช็กสิ่งแปลกปลอม เจอแล้วต้องยกเลิกทันที

รองโฆษกรัฐบาล เตือนภัยสแกน QR CODE จ่ายเงินต้องระวัง เช็กสิ่งแปลกปลอม ถ้าเจอแล้วต้องยกเลิกทันที เพื่อป้องกันมิจฉาชีพดึงข้อมูลส่วนตัวและธุรกรรมการเงิน

วันที่ 3 ส.ค. 65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ความนิยมการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศไทย มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากแพร่หลายในประชาชนทุกช่วงวัยและผู้ประกอบการทุกขนาดผ่านโครงการต่างๆของรัฐบาล เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการพร้อมเพย์ (Prompt pay) และ QR Payment รวมถึง Government Wallet (G-Wallet) ผ่านแอปเป๋าตังในโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ชิมช้อปใช้ และการขายสลาก เป็นต้น ส่งผลให้ประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์ ครองอันดับ 3 ของโลก จากความนิยมการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศไทย ทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง 

 

สแกน QR CODE จ่ายเงินต้องระวัง เช็กสิ่งแปลกปลอม เจอแล้วต้องยกเลิกทันที

ทั้งนี้ จากรายงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ (1212 ETDA) พบมิจฉาชีพใช้กลโกงรูปแบบใหม่ เมื่อสแกน QR CODE จ่ายเงิน ระบบจะพาเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์อื่นแล้วให้กรอกข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น บัญชีธนาคาร หรือให้โอนเงินเข้าบัญชีอื่นที่ไม่ใช่ร้านค้า หากเจอเข้าข่ายลักษณะดังกล่าวให้ยกเลิกดำเนินการทันที เพื่อป้องกันมิจฉาชีพดึงข้อมูลส่วนตัวและธุรกรรมการเงิน


นางสาวรัชดา ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย National e-Payment อย่างต่อเนื่อง นอกจากเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและภาคธุรกิจในการทำธุรกรรมทางการเงินและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ยังเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มีส่วนช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 

 

สแกน QR CODE จ่ายเงินต้องระวัง เช็กสิ่งแปลกปลอม เจอแล้วต้องยกเลิกทันที

ดังนั้นก่อนสแกนจ่ายเงินด้วย QR CODE ต้องเลือกสแกนผ่าน QR CODE ของธนาคารโดยตรง เมื่อสแกนแล้วควรตรวจสอบข้อมูลร้านค้าและยอดเงินทุกครั้งเพื่อความถูกต้อง และการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์นั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้อินเตอร์เน็ตสาธารณะ หรือ ฟรี Wi-Fi เพื่อป้องกันการดักขโมยข้อมูลส่วนบุคคล หากพบปัญหากรณีซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ สามารถปรึกษาและแจ้งเรื่องได้ที่สายด่วน โทร.1212 ตลอด 24 ชม. หรืออีเมล [email protected]
 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline