เปิดปมพิรุธคราบเขม่าดินปืน ญาติคาใจ ไม่เชื่อเพื่อนทำปืนลั่นใส่"น้องโชค"

   คืบหน้าล่าสุดคดีนักเรียนชั้นม.3โรงเรียนวัดลาดปลาดุกเสียชีวิตในห้องเรียนคอมพิวเตอร์  โดยในวันที่ 16 ก.ย.65 ญาติรับร่าง"น้องโชค"มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยญาติๆเเละครอบครัวไม่เชื่อว่านักเรียนที่ก่อเหตุทำปืนลั่นในโรงเรียนวัดลาดปลาดุก ร้องขอทีมงานทนายรณรงค์ ช่วยเหลือทางคดี 

  โดยครอบครัวน้องโชค นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดลาดปลาดุก ได้รับร่างน้องโชค มาจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต มาบำเพ็ญกุศล ที่วัดราษฎร์ประคองธรรม อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ภายในงานมีญาติ เพื่อนนักเรียน ครู อาจารย์ ของโรงเรียนวัดลาดปลาดุก มาร่วมงานรดน้ำศพ และแสดงความเสียใจกับครอบผู้เสียชีวิต 

  ในส่วนเพื่อนนักเรียนของน้องโชค ที่ได้สารภาพว่าทำปืนลั่น ทาง เจ้าหน้าที่ สภ.บางบัวทองได้สอบปากคำ นายต้า (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดลาดปลาดุก ที่ได้นำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 มาที่โรงเรียน และเกิดปืนลั่นใส่น้องโชค จนเสียชีวิต ทั้งนี้นายต้าระบุว่า หลังเกิดเหตุ ได้โทรศัพท์หารุ่นพี่ และให้เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวม 6 คน ช่วยเหลือนำอาวุธปืนไปทิ้งในน้ำ

    ซึ่ง น.ส.วรรณพร งามสุด อายุ 34 ปี น้าสาว และนางนันท์นภัส ชโยดมสิทธิ์เดช 57 ปี ยายของน้องโชค เผยว่าหลังจากตำรวจมีการแถลงข่าวโดยระบุว่า ผู้ก่อเหตุทำปืนลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวยังรู้สึกคาใจ และไม่เชื่อว่านักเรียนทำปืนลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเท่าที่ได้คุยกับเพื่อนนักเรียนในชั้นเดียวกัน ใช้คำพูดว่ามือลั่น น่าจะเกิดจากการนำปืนออกมาข่มขู่ หรือตั้งใจก่อเหตุมากกว่า จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และยืนยันว่าน้องโชคเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร 

   ด้านนายปิยณัฐ สุกยัง ทนายความเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่าจากการแถลงข่าวของตำรวจไม่มีการระบุถึงคราบเขม่าดินปืนในมือผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่านักเรียนผู้ก่อเหตุทำปืนลั่นจริงหรือไม่ ??

   ส่วนช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นทางโรงเรียนได้นำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้ครอบครัวน้องโชค และขอเป็นเจ้าภาพงานสวดอภิธรรมศพในคืนแรก ส่วนจะเรียกร้องหรือจะดำเนินคดีกับทางโรงเรียนต่อไปหรือไม่ เชื่อว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบและดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งขอไปคุยรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม thainewsonline