"สุวิทย์" ลั่น ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย คนที่เลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบยังไง

สุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ลั่นข้อความ ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย พรรคก้าวไกลจะเล่นบทยื้อเวลาเพื่อให้ สว. สิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญที่กำหนด

สุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า 

ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย

๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖

มีคนถามมาว่า พรรคก้าวไกลจะเล่นบทยื้อเวลาเพื่อให้ สว. สิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญที่กำหนด แล้วค่อยรวมแปดพรรค จัดตั้งรัฐบาล

จึงอยากบอกว่า เป็นความฝันของเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสาอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั้งว่า ตัวเองยังมีคดีติดอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญถึง ๒ คดี

หรือรู้ แต่คิดว่า ใครก็ทำอะไรกูไม่ได้ เพราะกูมีพลังด้อมส้มคอยหนุนหลังอยู่

สุวิทย์ ลั่น ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย คนที่เลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบยังไง

สุวิทย์ ลั่น ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย คนที่เลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบยังไง

อยากบอกพรรคเด็กน้อยว่า ต่อให้พยายามยื้อเวลาเพื่อรอให้ สว. สิ้นสภาพ แต่ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ที่วันคืนผ่านพ้นไปโดยไม่มีอะไรคืบหน้าจากผู้ที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้แก่พวกเขา แต่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล โดยไม่สนใจความทุกข์ยากเดือดร้อนของประเทศชาติ

ไหนจะเกิดจากไม่มีรัฐบาลเสนอขออนุมัติงบประมาณ จากรัฐสภาที่ยังไม่สามารถมีรัฐบาลได้

ไหนพวกนักลงทุนจะชะลอการลงทุน เพราะไม่มั่นใจในนโยบาย

นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจต่อนโยบายของรัฐบาลและสวัสดิภาพของการเข้ามาในเมืองไทย

ภาคแรงงานและผู้ประกอบการ ก็ยืนอยู่บนความไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะปลดคนงานออกเมื่อไหร่ ส่วนคนงานก็ไม่รู้ว่าจะตกงานหรือไม่

การจับจ่ายใช้สอยก็ต้องกะเหม็ดกะแหม่ มัธยัสถ์ ประหยัด ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าจ่าย มีแต่คนขายของ แต่ไม่มีคนซื้อของ

ทุกอย่างที่มันควรจะขับเคลื่อนไปข้างหน้ากลับต้องมาสะดุด หยุดอยู่กับความเห็นแก่ตัวของพวกนักการเมือง และพรรคการเมือง ที่จะจัดตั้งรัฐบาล

นี่แหละธรรมชาติ สันดานของพวกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของคน ๑๔ ล้านเสียง

ใครที่ไปเลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทีนี้ลองหันมาดูว่า ความเพ้อฝันที่พรรคก้าวไกลจะพยายามยื้อเวลาจนกว่า สว. จะหมดอายุตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้

แล้วแปดพรรคเดิมที่ทำเอ็มโอยู ค่อยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลมันทำได้จริงหรือไม่

พรรคเด็กน้อยคงจะลืมไปแล้วว่า เมื่อถึงเวลาที่ สว. หมดอายุการทำหน้าที่ไปแล้วนั้น พวกตนจะอยู่ในสภากันหรือเปล่า

เพราะนอกจากคดีถือหุ้นสื่อแล้ว ยังมีคดีที่มีโทษหนักกว่าอีก ๑ คดี ที่ค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ คือ คดีร่วมกันล้มล้างการปกครอง ซึ่งมีโทษหนักถึงกับติดคุกและยุบพรรค ตัดสิทธิ์การเล่นการเมือง ๑๐ ปี

แล้วเช่นนี้จะไม่เรียกว่า มโน เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองแล้วจะเรียกว่าอะไร

คนที่ขยันคิดแต่เรื่องชั่วๆ ก็จักมองไม่เห็นต้นสายปลายเหตุที่ตนทำเอาไว้ วันๆ ก็ร่ำร้อง เพ้อฝัน แต่ผลรับที่ตนอยากได้ เหมือนกับเด็กที่ร่ำร้องอยากได้ของเล่น

พอไม่ได้ดังใจก็ฟูมฟาย โวยวาย โทษนั่นโทษนี่แต่ไม่เคยโทษตนเองเลย

คนพวกนี้ไม่รู้ว่าพ่อแม่เขาสอนกันมาอย่างไร

พุทธะอิสระ

สุวิทย์ ลั่น ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย คนที่เลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบยังไง