- 25 มิ.ย. 2568
หมอเจดไขข้อสงสัย ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นแบบไหนดีกว่ากัน พร้อมอธิบายเรื่องระบบเผาผลาญ ฮอร์โมน และประเภทการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ออกกำลังกายตอนเช้า vs ออกกำลังกายตอนเย็น แบบไหนดีกว่ากัน
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
1.พลังงานที่ใช้ตอนเช้า vs. ตอนเย็น
ก่อยอื่นก็ต้องอธิบายก่อนนะว่าออกกำลังกายตอนเช้า โดยเฉพาะถ้าทำช่วงที่ท้องยังว่าง โดยเฉพาะคนทำ IF และอยู่ช่วง fasting (เพราะว่าตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลยจากการที่นอนมา และอดอาหารมามากกว่า 16 ชั่วโมง )
ร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมมาช่วยให้ร่างกายมีพลังงานในการเคลื่อนไหว นั่นหมายความว่าคุณกำลังเบิร์นไขมันเก่าที่เก็บไว้อยู่ การทำแบบนี้ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานจากแหล่งสำรองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมให้ทำงานตลอดวัน ทำให้เผาผลาญได้ดีแม้ว่าหลังจากเลิกออกกำลังกายแล้ว
แต่ต้องย้ำว่าการออกกำลังกายชนิดที่ไม่ต้องออกแรงเยอะนะครับ เช่นการเดิน หรือการเดินชัน หรือการทำแบบLIIT แต่ถ้าเกิดว่ายกเวตหนักหนัก หรือทำแบบ HIIT อันนี้ร่างกายจะใช้พลังงานไม่ทันครับมักจะจะต้องเอากล้ามเนื้อสลายออกมาเป็นพลังงานมากกว่าการสลายไขมัน
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นตอนเย็น คุณอาจจะเพิ่งทานอาหารกลางวันหรือของว่างก่อนออกกำลังกาย ดังนั้น ร่างกายของคุณจะมีพลังงานจากอาหารที่เพิ่งทานเข้ามาใหม่ ทำให้ใช้พลังงานจากแหล่งใหม่ก่อนจะไปดึงพลังงานเก่า อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีนะครับ เพราะจะช่วยใช้พลังงานระหว่างวันที่สะสมมา ลดโอกาสที่พลังงานเหล่านั้นจะกลายเป็นไขมันสะสมอีกต่อไป
พูดง่าย ๆ ถ้าอยากเน้นการเผาผลาญไขมันเก่า การออกกำลังกายตอนเช้าอาจจะตอบโจทย์ แต่ถ้าแค่อยากเผาผลาญพลังงานจากมื้ออาหารของวันนี้ การออกกำลังกายตอนเย็นก็ได้นะ
2.ผลกระทบต่อระบบเมตาบอลิซึม
เรื่องการเผาผลาญเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ การออกกำลังกายตอนเช้าช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานต่อเนื่องตลอดวัน เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือการเติมน้ำมันเครื่องให้ร่างกายแหละ ตอนเช้าระบบเผาผลาญจะถูกกระตุ้นให้ทำงานดีขึ้น ส่งผลให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉงและมีพลังในการทำงานหรือกิจกรรมอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นการปลุกฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเผาผลาญไขมัน ทำให้กระบวนการนี้ทำงานได้ตลอดวัน
ส่วนการออกกำลังกายตอนเย็น แม้ว่าร่างกายจะไม่เผาผลาญตลอดวันเหมือนการออกกำลังกายตอนเช้า แต่ก็มีข้อดีตรงที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
• การออกกำลังกายตอนเช้าสามารถใช้ประโยชน์จากระดับคอร์ติซอลที่สูงเพื่อเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
• อย่างไรก็ตาม ควรออกกำลังกายแบบเบาถึงปานกลางเพื่อลดความเสี่ยงในการสลายกล้ามเนื้อและป้องกันผลกระทบด้านลบจากคอร์ติซอลที่สูงเกินไป
การเข้าใจบทบาทของคอร์ติซอลจะช่วยให้คุณเลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานได้อย่างเหมาะสมครับ
หลายคนบอกว่าการออกกำลังกายตอนเย็นช่วยทำให้หลับได้ลึกขึ้น เนื่องจากร่างกายได้ปลดปล่อยพลังงานที่สะสมมาในแต่ละวัน ก็เป็นการใช้พลังงานที่เหลือให้หมดก่อนจะเข้านอน ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย พร้อมกับกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานในขณะนอนหลับนะครับ
3.การจัดการฮอร์โมน
เรื่องฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกเวลาออกกำลังกายนะ ช่วงเช้า ฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) จะอยู่ในระดับสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นความตื่นตัวและการเผาผลาญไขมัน การออกกำลังกายในช่วงเช้าจึงช่วยจัดการกับความเครียดได้ดี ทำให้เรารู้สึกตื่นตัวและพร้อมรับวันใหม่นะ
ในขณะที่ตอนเย็น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะสูงขึ้น โดยเฉพาะในคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ดังนั้นถ้าคุณมีเป้าหมายในการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อหรือความแข็งแรง การออกกำลังกายตอนเย็นจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของฮอร์โมนนี้ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การสร้างกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพมากกว่า ใครที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อ อาจจะเหมาะกับการออกกำลังกายช่วงเย็นมากกว่านะ
4.ควรเลือกประเภทการออกกำลังกาย ให้เหมาะสม
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ประเภทของการออกกำลังกายที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ตอนเช้าอาจเหมาะกับการออกกำลังกายเบา ๆ อย่างเช่น การวิ่งเบา ๆ โยคะ หรือการออกกำลังกายที่ไม่ใช้พลังงานหนัก เพราะร่างกายยังไม่ตื่นเต็มที่ พลังงานที่ใช้จึงเป็นการกระตุ้นระบบเผาผลาญและเตรียมพร้อมสำหรับวัน เพราะถ้าไปออกกำลังกายอย่างหนักเช่นยกเวท เฮชไอทีมันคงต้องเข้าใจว่ามันอาจจะต้องใช้พลังงานพลังงานจากการสลายกล้ามเนื้อมานะครับ เพราะว่าร่างกายต้องการพลังงานอย่างเร่งด่วน การสลายไขมันอาจจะช้ากว่าเรื่องของการใช้พลังงานจากกล้ามเนื้อ
ส่วนตอนเย็น เหมาะกับการออกกำลังกายแบบหนักๆ ที่ใช้พลังงานมาก เช่น การยกเวท การคาร์ดิโอแบบเข้มข้น หรือการออกกำลังกายที่ใช้แรงและพลังงานสูง เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานจากมื้ออาหารมาแล้ว ทำให้มีแรงมากขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บจากการที่กล้ามเนื้อยังไม่พร้อม
5.ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่ “ดีที่สุด” สำหรับการออกกำลังกาย มันขึ้นอยู่กับว่าคุณสะดวกตอนไหนมากกว่า หลายคนที่ต้องทำงานเช้าก็อาจจะสะดวกตอนเย็น หรือใครที่อยากกระตุ้นร่างกายก่อนทำงานก็อาจเลือกตอนเช้า ความสำเร็จของการออกกำลังกายไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา แต่อยู่ที่ความสม่ำเสมอและความตั้งใจ การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราเองจะทำให้สามารถทำต่อเนื่องได้ และทำได้ยาว
ใครที่มีคำถามก็คอมเมนต์ได้เลยนะครับ






