- 29 ก.ย. 2568
เตือน 3 ระยะโรคพิษสุนัขบ้า เพราะโรคพิษสุนัขบ้าอันตรายถึงชีวิต การรู้จักสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของสัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัด จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก
เตือน “3 ระยะโรคพิษสุนัขบ้า” มาดูกันว่า "หมาบ้า" หรือ "แมวบ้า" ที่ติดเชื้อไวรัสนี้ จะมีอาการเตือนอย่างไรในแต่ละระยะ เพื่อให้คุณหลีกเลี่ยงและรับมือได้อย่างถูกต้อง
วิธีสังเกตอาการโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขและแมว (แบ่งตามระยะ)
อาการของสัตว์ที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ แบบดุร้าย และ แบบซึม โดยแสดงออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
1. ระยะเริ่มแรก (Prodromal Stage)
เป็นระยะที่สังเกตยากที่สุด กินเวลาประมาณ 2-3 วัน สัตว์จะมีอาการคล้ายป่วยทั่วไป:
อารมณ์เปลี่ยน: สัตว์ที่เคยเป็นมิตรอาจเริ่มเก็บตัว ซึม หรือหลบซ่อน ในขณะที่สัตว์ขี้อายอาจกล้าแสดงออกมากขึ้น
อ่อนเพลีย: มีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร ไม่ยอมกินน้ำ หรือกินอาหารลำบาก
คันผิดปกติ: สัตว์อาจเลียหรือกัดบริเวณที่เคยถูกกัดอย่างซ้ำ ๆ แม้แผลจะหายแล้ว
2. ระยะตื่นเต้น/ดุร้าย (Furious Stage)
เป็นระยะที่อันตรายที่สุด กินเวลาประมาณ 1-7 วัน สัตว์จะแสดงอาการทางระบบประสาทที่ชัดเจน:
ก้าวร้าวรุนแรง: หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย พยายามไล่กัดคน สัตว์อื่น หรือแม้กระทั่งสิ่งของโดยไม่มีสาเหตุ
หวาดกลัวผิดปกติ: ไวต่อแสง เสียง หรือการสัมผัสเนื้อตัว
น้ำลายไหล: น้ำลายไหลยืดหรือมีฟองที่ปาก เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืนเป็นอัมพาต ทำให้ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้
เสียงเปลี่ยน: เสียงเห่าหรือเสียงร้องจะแหบพร่า หรือเปลี่ยนไปจากเดิม
3. ระยะอัมพาต (Paralytic Stage)
เป็นระยะสุดท้ายที่นำไปสู่การเสียชีวิต กินเวลา 2-4 วัน (ในบางรายอาจข้ามระยะดุร้ายและเข้าสู่ระยะนี้อย่างรวดเร็ว คือ แบบซึม):
กล้ามเนื้ออ่อนแรง: เริ่มจากขาหลังเดินเซ ไม่มีแรง เดินโซเซ หรือล้มแล้วลุกไม่ขึ้น
ขากรรไกรห้อย: ขากรรไกรล่างอ่อนแรง ทำให้ปิดปากไม่ได้ หรือ ลิ้นห้อยแห้ง
กลืนไม่ได้: อาการน้ำลายไหลยิ่งชัดเจนขึ้น
เสียชีวิต: เมื่ออัมพาตลามไปยังกล้ามเนื้อที่ควบคุมระบบหายใจ สัตว์จะเสียชีวิตในที่สุด โดยปกติจะไม่เกิน 10 วันนับจากเริ่มแสดงอาการ
สิ่งที่ต้องทำเมื่อพบสัตว์สงสัย
หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในสุนัขหรือแมว ทั้งสัตว์เลี้ยงของคุณหรือสัตว์จรจัด:
ห้ามเข้าใกล้/สัมผัสเด็ดขาด: เนื่องจากไวรัสจะอยู่ในน้ำลายของสัตว์
กักบริเวณ: หากเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณ ให้กักบริเวณไว้เพื่อสังเกตอาการ
แจ้งเจ้าหน้าที่: รีบแจ้งปศุสัตว์อำเภอ หรือหน่วยงานควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ทันที
และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน






