- 10 ต.ค. 2568
วิธีเก็บกล้วยให้อยู่นาน วันนี้เราจะมาพิสูจน์กันให้เห็น ๆ ด้วยการทดลองเก็บกล้วยน้ำว้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อหาคำตอบว่า วิธีไหนที่ทำให้ได้กล้วยอร่อยที่สุด
วิธีเก็บกล้วยให้อยู่นาน คุณเก็บกล้วยไว้ที่ไหน? คำถามง่าย ๆ ที่นำไปสู่การถกเถียงไม่รู้จบระหว่างทีม "กล้วยตู้เย็น" ที่เชื่อว่าจะยืดอายุได้นาน กับทีม "กล้วยนอกตู้" ที่เชื่อว่าจะคงความอร่อยตามธรรมชาติไว้ได้ดีที่สุด วันนี้เราจะมาพิสูจน์กันให้เห็น ๆ ด้วยการทดลองเก็บกล้วยน้ำว้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อหาคำตอบว่า วิธีไหนที่ทำให้ได้กล้วยอร่อยที่สุด
การทดลอง 1 สัปดาห์: ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ
เรานำกล้วยที่สุกพอดี (มีจุดสีน้ำตาลเล็กน้อย) มาแบ่งเป็น 2 ส่วน และสังเกตการเปลี่ยนแปลงตลอด 7 วัน
1. กล้วยที่เก็บในตู้เย็น (ช่องธรรมดา)
วันที่ การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ รสชาติและเนื้อสัมผัส
- วันที่ 1-2 ผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม/ดำเร็วมาก เนื้อกล้วยยังคงแข็งและแน่น
- วันที่ 3-7 ผิวยังคงดำสนิท แต่เนื้อภายในยังไม่เน่าเสีย เนื้อกล้วยแข็งสู้ลิ้น รสชาติหวานน้อยลงมาก
ผลสรุป: การเก็บกล้วยในตู้เย็นจะ ยืดอายุเนื้อกล้วย ไม่ให้เน่าเสียได้นานจริง แต่ผิวจะดำเร็วมาก และที่สำคัญที่สุดคือ ความเย็นจะไปชะลอการสุกและทำลายเอนไซม์ ทำให้เนื้อกล้วย แข็งกระด้าง และ ไม่หวานอร่อย เหมือนเดิม
2. กล้วยที่เก็บในตู้กับข้าว (อุณหภูมิห้องปกติ)
วันที่ การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ รสชาติและเนื้อสัมผัส
- วันที่ 1-4 ผิวค่อย ๆ มีจุดน้ำตาลเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ เนื้อนุ่ม หอม และมีรสหวานกำลังดี
- วันที่ 5-7 ผิวเริ่มมีสีน้ำตาลมากขึ้น (สุกงอม) เนื้อนุ่มหวานฉ่ำ รสชาติเข้มข้น หอมอร่อยที่สุด
ผลสรุป: กล้วยที่เก็บในอุณหภูมิห้องจะสุกตามธรรมชาติ เมื่อถึงวันที่ 5-7 แม้ผิวจะดูไม่สวยงามเท่ากล้วยวันแรก แต่เนื้อจะนุ่มนวลและมีรสชาติ หวานเข้มข้นที่สุด (เหมาะสำหรับทำกล้วยบวชชี หรือทานทันที)
สรุปและคำแนะนำในการ "เก็บกล้วย" ให้ได้รสชาติดีที่สุด
วิธีที่อร่อยที่สุด เก็บกล้วยในอุณหภูมิห้อง (นอกตู้เย็น)
เหตุผล: กล้วยจะสุกต่อเองอย่างสมบูรณ์ ทำให้เนื้อนุ่มและรสหวานเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
คำแนะนำเพิ่มเติม: หากต้องการยืดอายุ ควร ห่อพลาสติกตรงบริเวณขั้วกล้วย เพื่อชะลอการปล่อยก๊าซเอทิลีน ซึ่งช่วยให้กล้วยสุกช้าลง 2-3 วัน โดยที่รสชาติยังอร่อยอยู่
และหากกล้วยสุกงอมเกินไปแล้ว... ค่อยนำเข้าตู้เย็น (ช่องแข็ง) เพื่อทำเป็นสมูทตี้ หรือไอศกรีมกล้วย จะช่วยรักษาความหวานไว้ได้
ที่มา: การทดลองภาคสนามและการอ้างอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เรื่องการทำงานของก๊าซเอทิลีนในผลไม้เมืองร้อน (HortScience, Journal of Food Science)






