ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟ มีความแตกต่างอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน

ชาและกาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่หลายคนดื่มทุกวัน แต่ให้ผลกับร่างกายต่างกันอย่างชัดเจน มาดูความแตกต่างแบบเข้าใจง่าย พร้อมคำแนะนำว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด

ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟแบบไหนดีกว่ากัน ชาและกาแฟ แม้จะมีคาเฟอีนเหมือนกัน แต่ส่งผลต่อร่างกายไม่เหมือนกัน

ดื่มแบบไหนจึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ? มาหาคำตอบกัน
 

ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟ มีความแตกต่างอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน

ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟ มีความแตกต่างอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน


1. ปริมาณคาเฟอีน

ชา: มีคาเฟอีนต่ำกว่า (ประมาณ 20–50 มก./ถ้วย)

กาแฟ: มีคาเฟอีนสูงกว่า (ประมาณ 80–120 มก./ถ้วย)

  • กาแฟกระตุ้นเร็วกว่า แต่ชาเหมาะกับคนที่อยากกระตุ้นแบบเบา ๆ ไม่ใจสั่น

 

2. ผลต่ออารมณ์และสมอง

ชา: ช่วยให้รู้สึกสงบ ลดความเครียด เพิ่มสมาธิแบบค่อยเป็นค่อยไป

กาแฟ: ช่วยให้ตื่นตัว กระตือรือร้น แต่อาจกระสับกระส่ายในบางคน

  • ถ้าอยากผ่อนคลาย เลือกชา / ถ้าอยากกระตุ้นเร่งด่วน เลือกกาแฟ

 

3. ผลต่อระบบย่อยอาหาร

ชา: โดยทั่วไปอ่อนโยนต่อกระเพาะ

กาแฟ: อาจกระตุ้นกรดในกระเพาะ โดยเฉพาะคนที่ท้องว่าง

  • คนที่มีปัญหากรดไหลย้อนหรือกระเพาะ ควรระวังการดื่มกาแฟ

 

4. สารต้านอนุมูลอิสระ

ชา: มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะชาเขียว

กาแฟ: มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน โดยเฉพาะกาแฟดำ

  • ทั้งสองมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมมากเกินไป

 

5. เวลาที่ควรดื่ม

ชา: ดื่มได้หลายช่วงเวลา แม้ช่วงบ่ายหรือเย็น

กาแฟ: เหมาะกับตอนเช้า หลีกเลี่ยงช่วงเย็น (อาจทำให้นอนไม่หลับ)

  • ถ้าคุณนอนยาก หลีกเลี่ยงกาแฟหลังบ่ายสอง
     

ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟ มีความแตกต่างอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน

 

แบบไหน "ดีกว่า"? ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับ:

  • ร่างกายของแต่ละคน
  • จุดประสงค์ในการดื่ม
  • เวลาที่ดื่ม และปริมาณที่ดื่ม

 

แนะนำ:

  • ถ้าต้องการความสงบ สบายใจ → เลือก ชา
  • ถ้าต้องการปลุกพลัง สมองแล่นไว → เลือก กาแฟ
  • ดื่มอะไรก็ได้ แต่ขอให้ "พอดี" และ "ไม่ติดเกินไป"