- 17 ต.ค. 2568
ชาและกาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่หลายคนดื่มทุกวัน แต่ให้ผลกับร่างกายต่างกันอย่างชัดเจน มาดูความแตกต่างแบบเข้าใจง่าย พร้อมคำแนะนำว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟแบบไหนดีกว่ากัน ชาและกาแฟ แม้จะมีคาเฟอีนเหมือนกัน แต่ส่งผลต่อร่างกายไม่เหมือนกัน
ดื่มแบบไหนจึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ? มาหาคำตอบกัน
ดื่มชา กับ ดื่มกาแฟ มีความแตกต่างอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน
1. ปริมาณคาเฟอีน
ชา: มีคาเฟอีนต่ำกว่า (ประมาณ 20–50 มก./ถ้วย)
กาแฟ: มีคาเฟอีนสูงกว่า (ประมาณ 80–120 มก./ถ้วย)
- กาแฟกระตุ้นเร็วกว่า แต่ชาเหมาะกับคนที่อยากกระตุ้นแบบเบา ๆ ไม่ใจสั่น
2. ผลต่ออารมณ์และสมอง
ชา: ช่วยให้รู้สึกสงบ ลดความเครียด เพิ่มสมาธิแบบค่อยเป็นค่อยไป
กาแฟ: ช่วยให้ตื่นตัว กระตือรือร้น แต่อาจกระสับกระส่ายในบางคน
- ถ้าอยากผ่อนคลาย เลือกชา / ถ้าอยากกระตุ้นเร่งด่วน เลือกกาแฟ
3. ผลต่อระบบย่อยอาหาร
ชา: โดยทั่วไปอ่อนโยนต่อกระเพาะ
กาแฟ: อาจกระตุ้นกรดในกระเพาะ โดยเฉพาะคนที่ท้องว่าง
- คนที่มีปัญหากรดไหลย้อนหรือกระเพาะ ควรระวังการดื่มกาแฟ
4. สารต้านอนุมูลอิสระ
ชา: มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะชาเขียว
กาแฟ: มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน โดยเฉพาะกาแฟดำ
- ทั้งสองมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมมากเกินไป
5. เวลาที่ควรดื่ม
ชา: ดื่มได้หลายช่วงเวลา แม้ช่วงบ่ายหรือเย็น
กาแฟ: เหมาะกับตอนเช้า หลีกเลี่ยงช่วงเย็น (อาจทำให้นอนไม่หลับ)
- ถ้าคุณนอนยาก หลีกเลี่ยงกาแฟหลังบ่ายสอง
แบบไหน "ดีกว่า"? ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับ:
- ร่างกายของแต่ละคน
- จุดประสงค์ในการดื่ม
- เวลาที่ดื่ม และปริมาณที่ดื่ม
แนะนำ:
- ถ้าต้องการความสงบ สบายใจ → เลือก ชา
- ถ้าต้องการปลุกพลัง สมองแล่นไว → เลือก กาแฟ
- ดื่มอะไรก็ได้ แต่ขอให้ "พอดี" และ "ไม่ติดเกินไป"






