- 20 ต.ค. 2568
ระวัง "กินแล้วนอน" ที่หลายคนมองข้าม คือหนึ่งในพฤติกรรมเคยชินที่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ระวัง "กินแล้วนอน" ที่หลายคนมองข้าม หลายคนมักรู้สึกง่วงจัดหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะมื้อเย็น แล้วเลือกจบวันด้วยการเอนหลังหรือนอนทันที... แต่รู้หรือไม่ว่า "กินแล้วนอน" คือหนึ่งในพฤติกรรมเคยชินที่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ต้องระวัง "กินแล้วนอน" ภัยเงียบทำลายสุขภาพที่หลายคนมองข้าม
ภัยร้ายที่ตามมาจากการ "กินแล้วนอน" ทันที
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease - GERD):
นี่คือภัยอันดับหนึ่ง! เมื่อคุณเอนตัวลงนอนทันทีหลังกินอาหาร กระเพาะอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารและน้ำย่อยจะอยู่ในระดับเดียวกับหลอดอาหาร ทำให้หูรูดกระเพาะอาหารคลายตัว และกรดไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ง่าย จนเกิดอาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn) ไอเรื้อรัง หรือเจ็บคอ
อ้วนลงพุง และน้ำหนักขึ้น:
เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะพักผ่อน การเผาผลาญพลังงานจะลดลงอย่างมาก อาหารที่กินเข้าไป โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและไขมัน จึงถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนลงพุง
ปัญหาด้านการนอนหลับ (Sleep Disruption):
แม้จะรู้สึกง่วง แต่การที่กระเพาะอาหารยังทำงานหนักเพื่อย่อยอาหาร อาจทำให้คุณหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ หรือเกิดอาการแน่นท้องจนต้องตื่นกลางดึก ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการพักผ่อนโดยรวม
ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน):
การงดกิจกรรมหลังอาหารจะทำให้ร่างกายไม่นำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน ระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลินหรือผู้ป่วยเบาหวาน
คำแนะนำ: ต้องเว้นระยะห่างนานแค่ไหน?
- ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรเว้นช่วงเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ก่อนที่จะเข้านอน เพื่อให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารเสร็จสิ้นและเคลื่อนย้ายไปยังลำไส้เล็กแล้ว
ทางออกง่าย ๆ หากง่วงหลังกินข้าว:
- ลุกขึ้นเดินเบา ๆ เป็นเวลา 10-15 นาที
- นั่งพักในท่าตรงเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้สะดวก






