สลดปมมรณะ ทำลุงรปภ. แค้นฝังหุ่น ดักจ้วงป้า 63 เสียชีวิต

จากกรณีเกิดเหตุ ลุง รปภ. ใช้อาวุธมีดแทงและปาดคอ นางสาวนิตยา หรือ ป้านิต อายุ 63 ปี เสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บริเวณหน้าร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซึ่งอยู่ตรงข้ามปรีดาแมนชั่น ภายในซอยรามคำแหง 18 ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายสว่าง พรมมาอินทร์ อายุ 71 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ รปภ. สุภาพร แมนชั่น ซึ่งอยู่เยื้องกับบ้านนางสาวนิตยา ปมเหตุคาดว่าเกิดจากกรณีที่ลุง รปภ. เคยเข้าไปที่ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ พยายามคุกคามผู้ตายฉันชู้สาว ผู้ตายจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ส่งผลให้ถูกไล่ออกจากงาน

 

 

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2568 ทีมงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านของ “ป้านิต” ผู้เสียชีวิต ภายในซอยรามคำแหง 18 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวถูกปิดเงียบและล็อกแม่กุญแจไว้ ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า วันนี้ญาติของป้านิตไม่อยู่บ้านและเดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยบริเวณจุดเกิดเหตุยังพบว่ามีร่องรอยคราบเลือดสาดกระเซ็นอยู่ทั่วพื้น และเลือดยังกระเด็นไปติดที่บานประตูเหล็กม้วนหน้าบ้านด้วย

จากการสอบถามนางหน่อย อายุ 52 ปี แม่ค้าร้านกาแฟอยู่บริเวณปากซอย 18 กล่าวว่า ป้านิต ผู้เสียชีวิต ภายหลังเกษียณจากการทำงาน ได้มาเปิดร้านเครื่องซักผ้าอัตโนมัติที่อพาร์ตเมนต์ของญาติ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่นายสว่างทำงานเป็น รปภ. สำหรับชาวบ้านในซอยและบริเวณปากซอยต่างรู้จักดี เพราะป้าเป็นคนน่ารักกับผู้อื่น เมื่อมาซื้อของก็มักจะเหมาร้านค้าและแจกขนมให้เพื่อนบ้านเป็นประจำ จึงเป็นที่รักของทุกคน รวมถึงนายสว่าง ผู้ก่อเหตุ ซึ่งป้านิตก็ซื้อขนมให้เป็นประจำ ทำให้นายสว่างเข้าใจผิดว่าป้านิตมีใจให้

ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ นายสว่างเข้าใจว่าป้านิตชอบ จึงได้เข้าไปหาและคุกคาม หลังจากนั้นป้านิตจึงไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ และต่อมาได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้ญาติที่เป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์ซึ่งนายสว่างทำงานอยู่ฟัง ญาติของป้านิตไม่พอใจ จึงไล่นายสว่างออกจากงาน รปภ. เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากนั้นเมื่อคืนนี้ นายสว่างคงโกรธแค้นจึงมาดักทำร้ายป้านิตจนเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่คิดว่านายสว่างจะทำร้ายป้านิตถึงขั้นเสียชีวิต และถือเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดมาก
 

 

ด้านนายกัน สนธิบุญ อายุ 48 ปี เพื่อนร่วมงานของนายสว่าง ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนกับนายสว่างทำงานด้วยกัน โดยนายสว่างทำงานเป็น รปภ. ที่ตึกแห่งนี้ตั้งแต่สร้างเสร็จใหม่ ๆ ประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนอยู่เวรกลางวัน ส่วนนายสว่างอยู่เวรกลางคืน โดยทำงานอยู่ตึกตรงข้ามบ้านของป้านิต

สำหรับนายสว่าง มีภรรยาหนึ่งคนเป็นชาวต่างด้าว พักอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งภายในซอยรามคำแหง 68 ซึ่งปัจจุบันก็ยังคบหากันอยู่

เท่าที่รู้จัก นายสว่างเป็นคนปกติ ไม่มีนิสัยอันธพาลหรืออารมณ์ร้าย และไม่เคยเล่าเรื่องของป้านิตให้ตนฟัง รู้เพียงว่าป้านิตเป็นคนจิตใจดี ชอบซื้ออาหารให้กับทุกคนที่รู้จัก และนายสว่างก็เคยเล่าให้ตนฟังว่าป้านิตซื้ออาหารมาให้บ่อยครั้ง

 

 

ส่วนวันเกิดเหตุตนไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ทราบว่าทุกวันช่วงเวลาประมาณห้าทุ่ม ป้านิตจะออกจากบ้านเพื่อนำขยะมาทิ้งเป็นเวลาเดิมทุกวัน คาดว่านายสว่างรู้เวลาและมาดักรอป้านิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่คิดว่านายสว่างจะลงมือฆ่าป้านิตได้ลง

 

 

พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการสถานีตำรวจหัวหมาก เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุไม่ถึง 1 ชั่วโมง ตำรวจชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมนายสว่าง พรมมาอินทร์ อายุ 71 ปี ผู้ต้องหาได้ ขณะกำลังเก็บเสื้อผ้าในที่พักภายในซอยรามคำแหง 68 เพื่อเตรียมหลบหนี แต่ถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวไว้ก่อน

จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่แมนชั่นเยื้องกับบ้านผู้ตาย ตลอดเวลาที่ผ่านมามีความชอบพอผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่เล่นด้วย และได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากผู้ต้องหาพยายามตามจีบอยู่ตลอดเวลา เมื่อเจ้าของแมนชั่นทราบพฤติกรรมของผู้ต้องหา จึงให้ออกจากงาน ผู้ต้องหาอ้างว่าเกิดความโกรธแค้นจึงลงมือก่อเหตุ และยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสุรามาด้วย

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานายสว่าง ผู้ก่อเหตุ ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ก่อนเตรียมนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในเช้าวันพรุ่งนี้

ด้านนางสาวอิงฟ้า (นามสมมติ) เพื่อนบ้านของป้านิต กล่าวว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ป้านิตมาขอดูกล้องวงจรปิดของตน ในวันที่นายสว่างลวนลาม เพื่อเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานในการแจ้งความ

 

 

โดยป้านิตเล่าเหตุการณ์ว่า ปกติจะขอให้นายสว่างช่วยทิ้งขยะให้เป็นประจำ หลังจากนั้นนางนิตยาจึงนำขนมไปให้นายสว่างเพื่อเป็นสินน้ำใจ แต่นายสว่างกลับคิดว่านางนิตยามีใจให้ จึงเข้าไปพูดคุยและจับไม้จับมือ ทำให้นางนิตยาไม่พอใจ จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และต่อมานายสว่างถูกไล่ออกจากงานจากพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นเหตุให้กลับมาแก้แค้นในครั้งนี้