- 18 พ.ย. 2568
อุทาหรณ์ ไวรัสตับอักเสบอี เมื่อเรามีอาการ ไข้ อ่อนเพลีย หรือปวดเมื่อยตามตัว เรามักคิดว่านี่คืออาการป่วยทั่วไปที่สามารถหายเองได้ หรือเป็นแค่ไข้หวัดตามฤดูกาล แต่มีโรคหนึ่งที่เริ่มต้นด้วยอาการคล้ายไข้ธรรมดา แต่กลับซ่อนความร้ายแรงไว้จนอาจนำไปสู่วิกฤตชีวิตได้ นั่นคือ 'ไวรัสตับอักเสบอี'
อย่ามองแค่ไข้ธรรมดา อุทาหรณ์ ไวรัสตับอักเสบอี อันตรายกว่าที่คิด หมอเจด ให้รายละเอียดไว้ว่า จากคำบอกเล่าประสบการณ์ป่วยของ “ต้าเหนิง กัญญาวีร์” นี่ถือเป็นเคสที่หลายคนคิดว่า “แค่เริ่มจากไข้ธรรมดา” แต่สุดท้ายรุนแรงถึงขั้น ตับอักเสบวิกฤต ค่าตับพุ่ง 1,300–1,400 แอดมิตหลายสัปดาห์ และทำให้ต้องหยุดงานยาว 2–3 เดือน ซึ่งวันนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่า ไวรัสตับอักเสบอีคืออะไร ทำไมถึงอันตรายได้ และทำไมคนที่ดูแข็งแรงก็ติดได้ เพื่อให้ทุกคนป้องกันตัวเองทันครับ
อย่ามองแค่ไข้ธรรมดา อุทาหรณ์ ไวรัสตับอักเสบอี อันตรายกว่าที่คิด
1️.เข้าใจก่อนว่า “ไวรัสตับอักเสบอี” คืออะไร
ไวรัสตัวนี้ต่างจากไวรัสตับอักเสบ A–B–C เพราะ
มันมักมาจากอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน เช่น
• อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
• เนื้อสัตว์ไม่ผ่านความร้อน
• น้ำดื่มไม่สะอาด
• การปนเปื้อนจากมือ–อุปกรณ์–ภาชนะ
และเมื่อไวรัสเข้าร่างกาย → มันจะไปโจมตี “ตับโดยตรง” ทำให้
• ตับบวม
• ถุงน้ำดีอาจอักเสบ
• ค่าตับพุ่งสูงจนร่างกายเหมือนถูกวางยา
และอาจมีผลต่ออวัยวะอื่น เช่น ปอด (เกิดน้ำในปอด)
ซึ่งพอเป็นผู้หญิง–คนภูมิต่ำ–พักผ่อนไม่พอ ยิ่งเสี่ยงอาการหนักครับ
2️.อาการที่หลายคนมองข้ามต้องจับตา
เคสนี้ชัดมากว่าอาการเริ่มต้นเหมือน “ไข้ธรรมดา”
แต่จริง ๆ เป็นสัญญาณของตับอักเสบอีที่ควรรู้ครับ เช่น
• ไข้ หนาวสั่น เหงื่อออก
• ปวดท้องรุนแรง
• กินไม่ได้ อาเจียน
• เหนื่อยง่าย
• มึน งง พูดไม่รู้เรื่อง (อาการค่าตับพุ่ง)
• เจาะเลือดพบ ตับโต + ถุงน้ำดีบวม + น้ำในปอดสองข้าง
สิ่งที่หลายคนตกใจคือ
ค่าตับพุ่งถึง 1,300–1,400 (ปกติไม่เกิน 30–40)
ระดับนี้ถือว่า “วิกฤต” และเสี่ยงตับวายได้ครับ
3️.ทำไมไวรัสตัวนี้ถึงทำให้ค่าตับสูงจนวิกฤต?
เมื่อไวรัสเข้าไปในเซลล์ตับ → ร่างกายจะกระตุ้นภูมิตอบสนองรุนแรง
เกิดเป็น “การอักเสบเฉียบพลัน” ทำให้
• ตับทำงานหนัก
• น้ำดีคั่ง → ถุงน้ำดีบวม
• ส่งผลต่อปอด → เกิดน้ำในปอด
• ร่างกายอ่อนแรง–มึนงง เพราะร่างกายกำจัดของเสียไม่ได้
แม้หน้าตาจะดูปกติ แต่ข้างในพังหมด แบบที่ต้าเหนิงเล่าว่า
“รู้สึกเหมือนตัวจะดับ มึนจนพูดไม่รู้เรื่อง”
ถ้าช้าอีกนิด อาจต้องเข้า ICU ได้เลยครับ
4️.การรักษาไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E)
ข่าวดีก็คือ ส่วนใหญ่หายได้เอง ถ้ารู้จักดูแลตัวเองให้ถูกต้อง
แต่ต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือนขึ้นไปนะ
แนวทางการรักษา:
• แอดมิตเพื่อดูค่าตับต่อเนื่อง
• ให้ยาแก้อาเจียน–แก้ปวด
• น้ำเกลือ + ให้นอนพัก
• เจาะเลือดทุกวัน (ในอาทิตย์แรกจะตรวจเยอะสุด)
• งดออกงาน–งดทำงานหนัก 2–3 เดือน
• ติดตามค่าตับทุกเดือนจนกลับมาปกติ
5️.ทำไมคนดูแข็งแรง ไม่ดื่มเหล้า กินดี นอนพอ ก็ยังเป็นได้?
ไวรัสตัวนี้ “ไม่เลือกคน” ครับ
มันไม่เกี่ยวกับเหล้า ไม่เกี่ยวกับกินมัน
ปัจจัยเสี่ยงจริง ๆ คือ
• อาหารไม่สะอาด (เจอมากที่สุด)
• เนื้อสัตว์ปรุงไม่สุก
• เครื่องในสัตว์
• น้ำปนเปื้อน
• ภูมิคุ้มกันตก
• คนที่เคยเสี่ยงโรคภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เช่น SLE
นี่คือเหตุผลที่ในเคสนี้ ค่าตับแย่กว่าคนกินเหล้าหนัก ๆ อีกครับ
6️.วิธีป้องกันไวรัสตับอักเสบอี
1. กินอาหารที่ปรุงสุก 100%
2. ระวัง “เครื่องใน” สุกไม่ทั่ว → เสี่ยงมาก
3. ล้างมือก่อนกินอาหารเสมอ
4. หลีกเลี่ยงน้ำแข็ง/น้ำดื่มแหล่งที่ไม่มั่นใจ
5. ร้านอาหารตามสั่ง–สตรีทฟู้ดควรเลือกที่สะอาด
6. ถ้ามีอาการคล้ายไข้+ปวดท้อง+อาเจียนเรื้อรัง → รีบตรวจค่าตับทันที
ไวรัสนี้แพร่จากอาหาร–น้ำเป็นหลัก
ไม่ใช่แค่จากน้ำลาย หรือใช้ของร่วมกันเหมือนไวรัสบางชนิดครับ
ตัวอย่างเคสต้าเหนิงนี่ถือเป็นตัวอย่างบทเรียนที่ดีมากว่า
ไข้ธรรมดาอาจไม่ธรรมดาเสมอไป
อาหารที่ไม่สะอาดเพียงมื้อเดียว → ทำให้ตับอักเสบจนวิกฤต
ค่าตับพุ่งเกิน 1,300–1,400 และมีผลถึงปอดได้แล้ว
ใครที่มีสัญญาณตามที่ผมบอก ไปตรวจค่าตับไว้ก่อนปลอดภัยที่สุดครับ
เพราะไวรัสตับอักเสบอี ถ้าจับได้เร็ว → หาย
แต่ถ้ารู้ช้า → เสี่ยงถึงชีวิตได้เลยนะครับ






