ล่าสุดอดีตเจ้าอาวาสอ้างสีกานำเห็ดมาถวาย ไล่ฟ้องชาวบ้านทุกคน

เกิดความเคลื่อนไหวล่าสุดในคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังชาวบ้านที่เคยร่วมกันปิดล้อมกุฏิเพื่อขับไล่ เนื่องจากพบสีกาเข้าไปในกุฏิกลางดึก ถูกอดีตเจ้าอาวาสแจ้งความดำเนินคดีกลับ โดยผู้ที่เป็นคนตีกลองแจ้งข่าวและผู้ที่ไลฟ์สดเหตุการณ์ ต้องเดินทางเข้าพบตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 20 คนที่มารอให้กำลังใจพร้อมทนายความ
 

 

 

กรณีนี้ต้นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 เมื่อชาวบ้านตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ปิดล้อมกุฏิเจ้าอาวาสช่วงกลางดึก หลังมีคนตีกลองแจ้งข่าวว่ามีหญิงสาวเข้าไปในกุฏิโดยอ้างว่า “สีกานำเห็ดมาถวาย” เหตุการณ์ถูกไลฟ์สดจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก่อนที่วันถัดมา เจ้าอาวาสจะหลบหนีออกจากวัด และคณะสงฆ์จังหวัดมีคำสั่งปลดออกจากตำแหน่งทันที พร้อมแต่งตั้งรักษาการแทน

 

ผู้ที่ถูกแจ้งความครั้งนี้ประกอบด้วย คนไลฟ์สดที่ถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท คนตีกลองถูกแจ้งข้อหาปลุกปั่นชาวบ้าน รวมถึงผู้ใหญ่บ้านและกำนัน 2 คนที่นำโซ่ไปคล้องประตูกุฏิ ถูกแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว โดยทุกคนยืนยันว่าที่ทำไปเพราะต้องการความโปร่งใสและปกป้องศาสนา ไม่ได้มีเจตนาก้าวร้าวหรือทำให้ใครเสียหาย

 

 

ด้านหญิงผู้ไลฟ์สดเผยว่า ไลฟ์เพราะต้องการเก็บหลักฐานตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพุทธศาสนา แต่มือถือความจำเต็ม จึงต้องถ่ายทอดสดแทน ส่วนชายที่ตีกลองบอกว่า ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพราะอดีตเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมานานแล้ว คืนเกิดเหตุเห็นผู้หญิงเข้าไปในกุฏิชัดเจนจึงรีบแจ้งชาวบ้าน ขณะที่ชาวบ้านอีกรายอายุ 63 ปี ซึ่งเคยเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาก่อน ยืนยันว่าไม่ต้อนรับอดีตเจ้าอาวาสกลับวัดอีกต่อไป พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดคนทำความถูกต้องถึงถูกฟ้องร้อง

 

ด้านทนายความระบุว่า แนวทางการต่อสู้คดีจะยืนยันว่าการกระทำของชาวบ้านเป็นไปโดยสุจริต เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา เนื่องจากพฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาสเข้าขั้นความผิดวินัยร้ายแรง พร้อมย้ำว่ามีหลักฐานชัดเจน ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังขอให้ตรวจสอบเงินบริจาคกว่า 200,000 บาท ที่ถูกนำไปสร้างที่พักใหม่ให้กับอดีตเจ้าอาวาส และเตรียมดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์เพิ่มเติมต่อไป