- 12 ธ.ค. 2568
สะเทือนใจ แม่ลูก 3 ขายผมหวังได้เงินซื้อนมให้ลูก ยอมสกินเฮดแลก 2,000 สุดท้ายโดนบล็อกหนี ปล่อยแม่ช้ำใจไร้เงินซื้อนมลูก
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีสะเทือนใจหลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งเป็นช่างตัดผมชาย โพสต์เตือนภัยในกลุ่ม “ช่างตัดผมบาร์เบอร์ พูดคุย หางาน” หลังพบมิจฉาชีพใช้กลลวงรูปแบบใหม่ หลอกหญิงสาวให้โกนผมทั้งศีรษะเพื่อแลกเงินค่ารับซื้อผม แต่สุดท้ายกลับเชิดเงินหนี ติดต่อไม่ได้
เหตุการณ์เกิดขึ้นกับ น.ส.นิตยา (นามสมมติ) อายุ 34 ปี แม่ลูก 3 ฐานะยากจน อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ซอยบุญคุ้ม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยในวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เธอเล่าว่าลูกทั้งวัย 7 ขวบ และ 3 ขวบร้องหิวข้าว–นม แต่ที่บ้านไม่มีแม้แต่เงินติดตัวสักบาทเดียว ครอบครัวไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่วันอาทิตย์ ทำให้ต้องหาทางเพื่อหานมให้ลูกกิน
น.ส.นิตยา เล่าว่า มีคนรู้จักบอกว่าผมสามารถนำไปขายได้ จึงเข้าเฟซบุ๊กค้นหากลุ่มรับซื้อผม และโพสต์เสนอขายผมของตัวเอง ต่อมาได้มีชายใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “รักเมียคนเดียวคัฟ” ทักมาติดต่อซื้อ โดยเสนอราคา 1,000 บาท หากตัดซอยสั้น แต่ถ้า ตัดสกินเฮด จะให้ถึง 2,000 บาท
สุดท้ายความจนบีบคั้น ทำให้เธอตัดสินใจตัดสกินเฮดเพื่อเอาเงินไปซื้อนม–ข้าวให้ลูกกินจนถึงสิ้นเดือน เธอเดินไปร้านตัดผมใกล้ห้องเช่า ยืนร้องไห้ทำใจอยู่นาน ก่อนกัดฟันเข้าร้านเพื่อให้ช่างโกนผมจนเกลี้ยง แม้ช่างพยายามแนะนำให้ไปตัดร้านผู้หญิง แต่เธอยืนยันว่าผู้ซื้อขอให้โกนสกินเฮดเท่านั้น
ระหว่างตัดผม ชายผู้แอบอ้างซื้อผมยังให้เธอถ่ายคลิปขั้นตอนทั้งหมดส่งไปให้ จนตัดเสร็จกลับถูกบล็อกเฟซบุ๊กทันที ติดต่อไม่ได้ ทำให้เธอช็อกและร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง ช่างตัดผมจึงปลอบใจและช่วยติดต่อหาคนรับซื้อผมแทน
เมื่อกลับถึงบ้าน สามีถึงกับช็อกเมื่อเห็นภรรยาไร้เส้นผม และยิ่งเศร้าหนักเมื่อรู้ว่าภรรยาทำไปเพราะอยากหาเงินให้นมลูก เขาเผยว่าเสียใจที่ดูแลครอบครัวได้ไม่ดีพอ และพยายามไปซื้อวิกผมราคาถูกให้ภรรยา แต่ซื้อมาผิดประเภท ภรรยาบอกให้เก็บเงินไว้ซื้อข้าว–นมให้ลูกแทน
ต่อมาพลเมืองดีประสาน เพจ “สายไหมต้องรอด” นำโดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ลงพื้นที่ช่วยเหลือเป็นการด่วน พร้อมนำข้าวสาร อาหารแห้ง นมเด็ก และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นมามอบให้ครอบครัว
นายเอกภพ ระบุว่า รู้สึกเห็นใจอย่างมาก เพราะผู้เสียหายยากจนอยู่แล้ว ยังถูกมิจฉาชีพหลอกโกนผมทิ้งทั้งหัวอีก พร้อมเผยว่าขณะนี้มีผู้ใจบุญช่วยรับซื้อเส้นผมของผู้เสียหายแล้ว และจะประสานผู้กำกับ สภ.คูคต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ ไม่ให้ไปหลอกใครซ้ำอีก
เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญ เตือนภัยรูปแบบหลอกขายผมที่เริ่มพบมากขึ้นในโซเชียล และสะท้อนความยากลำบากของคนหาเช้ากินค่ำในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างชัดเจน






