ชาวเน็ตอินโดฯ สาปแช่งนักบอลไทย ให้แพ้ทุกนัด หลังสวมปลอกแขนกัปตันทีมสีรุ้ง

ถือว่าเป็นการคว้าชัยชนะได้ตามเป้า หลังจากที่วันที่ 5 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา นักฟุตบอลทีมชาติไทยสามารถเอาชนะ ทีมชาติติมอร์-เลสเต ณ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ไปได้ 0 - 2 จากการแอสซิสต์ของ เจ้าต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่ชงงามๆ ให้กับ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ตัวสำรอง และ สุภโชค สารชาติ ซัดกันไปคนละตุง เก็บชัยนัดแรกในการแข่งขัน AFF Suzuki Cup 2020 (ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020) สำเร็จ

 

ทว่าในเกมการแข่งขันนั้นใสสะอาด แต่กองเชียร์เพื่อนบ้านกลับมีดราม่าร้อนแรงเกิดขึ้น เมื่อการแข่งขันครั้งนี้ มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงสู่สนาม ซึ่งปลอกแขนดังกล่าวเป็นสีรุ้ง สัญลักษณ์ที่สนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ โดยในการแข่งขันครั้งนี้ กัปตันจากทีมชาติเมียนมา และกัมพูชา ก็สวมปลอกแขนดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ในแฟนเพจเกี่ยวกับฟุตบอลของแฟนบอลชาวอินโดนีเซีย กลับมีคอมเม้นต์ด้านลบเกี่ยวกับการใช้ปลอกแขนสายรุ้งของกัปตันทีมชาติอาเซียน อาทิ "สายรุ้งที่เคยงดงามตอนเด็กๆ ตอนนี้ถูกทำให้แปดเปื้อนด้วยน้ำมือของปีศาจ" , "ขอภาวนาอย่าให้เกิดขึ้นกับทีมชาติของเรา" และร้ายแรงสุดถึงขั้นแช่งนักบอลไทยว่า "ประเทศไทยทำให้วัฒนธรรมอาเซียนมัวหมอง ขอให้โดนทำโทษ ไม่ชนะ AFF Suzuki Cup 2020 อีกต่อไป"

เมื่อมีคอมเม้นต์ด้านลบจากชาวเน็ตอินโดฯอย่างรับไม่ได้ ทำให้ชาวเน็ตไทยเข้าไปตอบคอมเม้นต์ในโพสต์ดังกล่าว ระบุว่า โลกทุกวันนี้ให้การยอมรับความหลากหลายทางเพศแล้ว แต่คอมเม้นต์ในเพจนี้กลับยังคงถกเถียงเรื่องการใช้ปลอกแขนสีรุ้ง ทั้งๆ ที่คนทุกคนคือคนเท่ากัน ควรให้เกียรติกันและกันมากกว่าจะมาถกเถียงกันด้วยเรื่องแบบนี้

 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับปลอกแขนสีรุ้งนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในศึก AFF Suzuki Cup 2020 แต่อย่างใด เพราะในลีกระดับโลกอย่าง พรีเมียร์ลีกอังกฤษเอง เหล่ากัปตันทีมยักษ์ใหญ่ต่างๆ ก็ต่างสวมปลอกแขนกัปตันทีมสีรุ้งทั้งสิ้น ซึ่งการสวมปลอกแขนสีนี้ จะเป็นการสวมชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ถือเป็นสีหลักของปลอกแขนกัปตันแต่อย่างใด 

ภาพจาก ช้างศึกและ jhenderson