แฟนบอลเอเชียเดินเก็บขยะทั่วสนาม คนดังเอ่ยปากถาม ก่อนได้คำตอบสุดกินใจ

เปิดฉากได้อย่างสนุกตื่นเต้นจริงๆ สำหรับ ผลบอลโลก ในหลายๆ คู่ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 ซึ่งคู่เปิดหัวในวันที่ 22 พ.ย.65 เมื่อ อาร์เจนติน่า หักปากกาเซียน พ่ายแพ้ 1 - 2 ให้กับ ซาอุดิอาระเบียในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก กระนั้นก็ยังเหลืออีก 2 เกมให้ได้ลุ้นเข้ารอบน็อคเอาท์ต่อไป 

 

เกี่ยวกับ บอลโลก 2022 นี้มีมุมเล็กๆ ที่น่าประทับใจอย่างมาก เมื่อชาวเอเชียกลุ่มหนึ่งได้สร้างความประทับใจให้แฟนบอลชาติอื่น ด้วยการเดินเก็บขยะในสนามฟุตบอลหลังการแข่งนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 2022 สิ้นสุดลง โดยบอกกับแฟนบอลต่างชาติว่าจะไม่ยอมปล่อยขยะถูกทิ้งไว้เพราะเคารพสถานที่

 

โดยแฟนบอลชาวญี่ปุ่นสร้างความประทับให้แฟนบอลชาวกาตาร์ ด้วยการอยู่เก็บขยะในสนามหลังการแข่งขันคู่เปิดสนามระหว่างทีมกาตาร์กับเอกัวดอร์สิ้นสุดลง พวกเขาเดินผ่านที่นั่งบนอัฒจันทร์ทีละแถวเพื่อเก็บขวดน้ำและห่ออาหารที่ถูกทิ้งเอาไว้เกลื่อนกลาด ตอกย้ำเสียงชื่นชมที่เคยรับจากฟุตบอล 2018 ที่รัสเซีย ที่พวกเขาเดินเก็บขยะหลังการแข่งขันในแบบเดียวกัน

ทั้งนี้คลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นชาวญี่ปุ่นเดินเก็บขยะทีละแถวใส่ถุงพลาสติก และผู้ที่บันทึกคลิปวิดีโอเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ชาวบาห์เรน ชื่อ โอมาร์ อัล ฟารุค ที่เอาไปแชร์ต่อในอินสตาแกรม ในคลิปมีเสียงฟารุคถามชาวญี่ปุ่นว่า "ทำไมถึงทำแบบนี้" และชาวญี่ปุ่นได้ตอบเขาว่า "พวกเราเป็นชาวญี่ปุ่น เราจะไม่ยอมให้มีขยะถูกทิ้งไว้ เราเคารพสถานที่" ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งยังได้หยิบธงชาติที่แฟนบอลชาวกาตาร์กับชาวเอกัวดอร์โยนทิ้งไว้ โดยบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ควรได้รับความเคารพ
 

ญี่ปุ่นสร้างชื่อเสียงเรื่องไมตรีจิตอันดีแบบเดียวกันนี้ ในการแข่งขันระดับนานาชาติอื่นๆ และตอนนี้เสียงชื่นชมด้านพฤติกรรมของพวกเขาก็ไปถึงตะวันออกกลางแล้วเช่นกัน ความมีน้ำใจนักกีฬาของพวกเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร ฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ทีมชาติญี่ปุ่นหรือซามูไรสีน้ำเงิน พ่ายให้แก่ทีมชาติเบลเยียม 3-2 และต้องตกรอบไป 

แต่แฟนบอลก็ยังมีน้ำใจเดินเก็บขยะในสนาม Rostov Arena สิ่งที่ผู้คนในวันนั้นและประทับใจไม่มีวันลืมคือ แฟนบอลชาวญุี่ปุ่นเดินถือถุงขยะไปทั่วสนาม ในขณะที่แฟนบอลชาติอื่นออกไปหมดแล้ว พวกเขาก้มเก็บขยะไปพลางและร้องไห้ไปพลาง... ช่างน่าเห็นใจและน่าประทับใจเอามากๆ เลยทีเดียว

คลิกเพื่อชมคลิป
ภาพจาก IG : omr94
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline