กัปตันคิม พูดถึงตบลูกยางสาวไทย พร้อมเทียบลูกยางสาวเกาหลี

กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งในหมู่แฟนกีฬาวอลเลย์บอลเกาหลีใต้ สำหรับ คิมยอนคยอง ตำนานตัวตบหัวเสาระดับโลกวัย 34 ปี ที่อำลาทีมชาติไปเมื่อปีที่แล้ว ก่อนจะส่งผลกระทบต่อทัพลูกยางสาวแดนโสมอย่างใหญ่หลวง เมื่อนับตั้งแต่ไร้เธอ

 

 

โดย กัปตันคิม ได้ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 หลังจบการแข่งขันนัดชิงเหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่แพ้ เซอร์เบีย 0-3 เซต ด้วยเหตุผลที่ว่าในเรื่องของสภาพร่างกาย, อายุ รวมไปถึงต้องการเปิดทางให้รุ่นน้องได้ขึ้นมาเฉิดฉายบ้าง

 

แต่อย่างไรก็ดี หลังจบรายการเนชันส์ ลีก 2022 เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ด้วยผลงานสุดย่ำแย่ สมาคมวอลเลย์บอลเกาหลีใต้ก็ได้ติดต่อขอให้ กัปตันคิม กลับมาช่วยชาติอีกครั้ง เพื่อเป็นแกนหลักให้น้องๆ ในทีมชุดลุยศึกชิงแชมป์โลก แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากตำนานลูกยางอย่างทันควันแต่อย่างไรก็ดี หลังจบรายการเนชันส์ ลีก 2022 เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ด้วยผลงานสุดย่ำแย่ สมาคมวอลเลย์บอลเกาหลีใต้ก็ได้ติดต่อขอให้ กัปตันคิม กลับมาช่วยชาติอีกครั้ง เพื่อเป็นแกนหลักให้น้องๆ ในทีมชุดลุยศึกชิงแชมป์โลก แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากตำนานลูกยางอย่างทันควัน

 

ถ้าฉันกลับไปเล่นอีกครั้ง แต่อีกไม่นานฉันก็ต้องเลิกเล่น แล้วทีมชาติของเราก็ต้องเจอปัญหานี้อีกอยู่ดี มันไม่ดีกว่าเหรอที่เราจะล้มตอนนี้แล้วช่วยกันพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่ออนาคต กัปตันคิม แถลง นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ กัปตันคิม ได้กล่าวถึงก็คือชาติร่วมทวีปเอเชียอย่าง ทีมชาติไทย ที่อยู่ในยุคเปลี่ยนถ่ายผู้เล่นไม่ต่างจากเกาหลีใต้ แต่กลับทำผลงานได้ดีในเนชันส์ ลีก ต่อเนื่องมาถึงศึกชิงแชมป์โลกในตอนนี้

 

 

ฉันได้ดูทีมชาติไทยแข่งในเนชันส์ ลีก พวกเธอเล่นดีมาก ผู้เล่นตัวหลักหลายคนมีโอกาสได้ออกไปหาประสบการณ์ในลีกอาชีพต่างแดนทั้ง ญี่ปุ่น และ ตุรกี วอลเลย์บอลลีกของไทยก็ไม่ได้อยู่ระดับที่สูงมากนัก ส่วนสูงของพวกเธอก็ไม่ได้เปรียบใครเลย แต่การที่พวกเธอได้มีโอกาสไปเล่นในลีกต่างประเทศ นั่นทำให้พวกเธอแข็งแกร่งขึ้นมากๆ

 

นี่คือแนวทางที่นักกีฬาวอลเลย์บอลของเกาหลีใต้ยุคใหม่ควรเอาอย่าง คุณจะได้เรียนรู้วอลเลย์บอลระดับสูงผ่านการออกไปเล่นลีกต่างประเทศ เช่นเดียวกับสาวๆทีมชาติไทยชุดนี้ กัปตันคิม ร่ายยาว ซึ่งยังได้พูดอีกว่า ทีมไทยก็ไม่ได้ต่างไปจากพวกเราเลย พวกเขาก็ตัวเท่าเรา และมีการเปลี่ยนตัวเหมือนเราเช่นกัน

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline