น้องสลิด แมวจรเคยถูกโยนลงจากโต๊ะแถลงข่าว ชีวิตกำลังจะพลิกผันครั้งใหญ่

น้องสลิด แมวจรเคยถูกโยนลงจากโต๊ะแถลงข่าว ชีวิตกำลังจะพลิกผันครั้งใหญ่ อีกหนึ่งความน่ารักของนักเตะอังกฤษที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ขณะนี้ เมื่อ มีนีกฟุตบอลชื่อดังโดน เจ้าแมวจรกาตาร์ ตกเข้าอย่างจัง ถึงขั้นทำเรื่องทำราวที่จะพามันกลับอังกฤษด้วย หลังจากแวะเวียนมาทอดสะพานให้ระหว่างอยู่ในโรงแรมที่พัก ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นเจ้าเหมียวตัวนี้ขึ้นโต๊ะแถลงข่าวของทีมชาติบราซิล แล้วถูกจับโยนลงมาจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์

ล่าสุด น้องได้พบชีวิตใหม่ เมื่อสองนักเตะทีมชาติอังกฤษตัดสินใจพามันกลับบ้านด้วย ซึ่งสื่ออังกฤษ Daily Mail จั่วหัวเรื่องว่า "Hurt feelings, new felines" บรรยายเรื่องราวอันน่าประทับใจว่า นักเตะทีมชาติอังกฤษได้รับเลี้ยง "เดฟ (Dave)" แมวลายสลิดที่เคยเป็นแมวจร แต่ไปตีสนิทกับนักเตะที่โรงแรมในกาตาร์ จนนักเตะ "ถูกตก" และต้องนำกลับไปสหราชอาณาจักร 

แม้จะผิดหวังไม่ได้คว้าถ้วยฟุตบอลโลกกลับบ้านด้วย แต่ ไคล์ วอล์กเกอร์ กับ จอห์น สโตนส์ นักเตะของสโมสร "Manchester City" ถูกแมวลายสลิดตัวหนึ่งมาตีสนิทในขณะที่พักอยู่ที่โรงแรม Al Wakrah และติดอกติดใจถึงขั้นพากลับบ้านด้วย 

แต่ เจ้าเดฟ ที่ชะตาชีวิตพลิกผัน จะต้องอยู่ที่สถานกักตัวเป็นเวลา 4 เดือน ก่อนจะได้ไปอยู่บ้านที่ยังไม่รู้ว่าเป็นบ้านของใคร ระหว่างวอล์กเกอร์ที่เล่นในตำแหน่งแบ็คขวา กับสโตนส์ซึ่งเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค และทั้งคู่ลงสนามในนัดที่อังกฤษเจอกับฝรั่งเศส และแพ้ฝรั่งเศสไป 2-1 

โดย วอล์คเกอร์ ได้ลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะพา เดฟ ที่สโตนส์เป็นคนตั้งชื่อกลับอังกฤษด้วย ที่จะทำให้มันกลายเป็นมาสคอตประจำทีม Manchester City เมื่อนักข่าวถามสโตนส์ว่า เดฟ เป็นอย่างไรตอนที่เขายังไม่ได้เตะกับฝรั่งเศส เขาก็บอกว่า มันสบายดี มีทะเลาะกับแมวตัวอื่นบ้างในตอนกลางคืน แต่น่าจะเป็นการแย่งอาหารและเขตแดนกัน และแม้เขาจะสัญญาว่า จะพามันกลับบ้านด้วย ถ้าชนะนัดที่เจอกับฝรั่งเศส และขอบคุณที่ถามถึงมัน 

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ Dave ยังมีประเด็นกับทีมชาติบราซิลด้วย เมื่อมันขึ้นไปบนโต๊ะแถลงข่าวและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อของทีมขยุ้มหลังก่อนจับโยนลงจากโต๊ะ ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้ความรุนแรงกับแมว โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่บราซิลจะเจอกับโครเอเชีย และพ่ายให้กับโครเอเชียในการยิงลูกโทษ 

คลิกเพื่อชมคลิป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline