- 15 มิ.ย. 2560
www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านทาง เพจคลังพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเพจเผยแพร่ความรู้ทางพุทธศาสนาจากหลายๆนิกาย ได้เผยแพร่ภาพของพระบรมสารีริกธาตุของพระทีปังกรพุทธเจ้าซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ประเทศจีน ให้ได้ชมเป็นบุญตากัน
เจดีย์พระบรมธาตุพระทีปังกรพุทธเจ้า
เจดีย์เฉาหยางเบื้องทักษิณ เป็นหนึ่งในเจดีย์คู่ทิศเหนือ-ใต้ แห่งเมืองเฉาหยาง มณฑลเหลียวหนิง มีความสูง 42.6 เมตร สร้างจากอิฐขึ้นสมัยราชวงศ์เหลียวในปี 1076 ตรงฐานมีการประดับประดาอิฐเป็นพุทธศิลป์งดงาม แต่ปัจจุบันลบเลือนไปมากแล้ว เมื่อปี 2004 ระหว่างที่คนงานกำลังทำงานก่อสร้างใกล้ๆ กับเจดีย์ ได้พบช่องทางเข้าสู่อุโมงค์ใต้ดิน ในอุโมงค์พบพระบรมสารีริกธาตุของพระทีปังกรพุทธเจ้าบรรจุในเจดีย์องค์น้อย ลักษณะพระธาตุเป็นแก้วใส
พระทีปังกรพุทธเจ้า 燃燈佛(Rándēng Fo)
Dipamkara เอียง เต็ง ฮุก
พระพุทธเจ้าผู้ทรงยังแสงสว่างให้บังเกิด (บ้างแปลว่า ดวงประทีป หรือ ดวงไฟ) อีกทั้งยังทรงมีหลายพระนามเช่น สมันตประภาพุทธเจ้า (โพวกวงฮุก) ซึ่งพระนามนี้ปรากฎเป็นพระนามแรกของกลุ่มพระพุทธเจ้าจำนวน ๕๓ พระองค์ หรือ ประทีปประภาพุทธจ้า หรือสมาธิประภาพุทธเจ้า และบางครั้งชาวมหายานจะเรียกพระองค์ว่า "พระบุราณพุทธทีปังกร" (เอียงเต็งโกวฮุก) หรือพระทีปังกรพุทธเจ้าในครั้งโบราณ
อันพระทีปังกรตถาคตเจ้า ทรงเป็นดวงประทีปธรรมอันรุ่งโรจน์ด้วยปัญญาส่องสว่างแก่โลก ผู้ที่บังเกิดโพธิจิตเมื่อได้รับรู้ถึงพระพุทธประวัติของพระองค์แล้วก็ประดุจจุดดวงประทีปให้สว่างขึ้นในตน
โดยพุทธศาสนานิกายมหายาน มีแนวความคิดเรื่องพุทธภาวะหลังปรินิพพานว่า พระพุทธเจ้าเมื่อได้แสดงตนว่าปรินิพพานแล้วนั้น ที่จริงหาได้เป็นการสิ้นสุดของพุทธภาวะไม่ การปรินิพพานเป็นเพียงอุบายแห่งการสั่งสอนสรรพสัตว์เท่านั้น พระองค์ยังคงมีพุทธภาวะอยู่โดยสมบูรณ์ในรูปของสัมโภคกาย สามารถที่จะรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ และจะดำรงอยู่เช่นนี้ตลอดชั่วกาลนาน จนกว่าจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ได้หมด พระองค์จึงจะเสด็จเข้าสู่พระนิพพาน
เรื่องราวอันเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าในอดีต มีกล่าวไว้ในคัมภีร์พุทธศาสนาหลายคัมภีร์ ทั้งที่เป็นพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และหนังสือที่ท่านผู้เป็นปราชญ์ในแต่ละยุคได้รจนาไว้ ด้วยอ้างถึงพระสูตร ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ซึ่งพระโคตมพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ทรงเป็นสัพพัญญู สมบูรณ์ด้วยทศพลญาณอันไม่ติดขัด ได้ทรงแสดงเรื่องเกี่ยวพระพุทธเจ้าในอดีตเหล่านี้ได้ด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์เองแก่พระประยูรญาติ หมู่ภิกษุสงฆ์สาวก เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ณ นิโครธารามมหาวิหารใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ พระสาวกทั้งหลายได้ทรงจำถ่ายทอดโดยการท่องในยุคแรก และจดจารึก เป็นตำราคัมภีร์ในภายหลัง จนสืบต่อมาถึงปัจจุบันนี้
ที่มา : คลังพุทธศาสนา / dharma-gateway.com