น้ำตาไหลพราก!! ผมรักในหลวงเหลือเกิน...เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพผู้ถวายงาน เมื่อครั้งในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม สีหบัญชร #ครั้งสุดท้าย!!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

น้ำตาไหลพราก!! ผมรักในหลวงเหลือเกิน...เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพผู้ถวายงาน เมื่อครั้งในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม สีหบัญชร #ครั้งสุดท้าย!!

                 การเสด็จออกมหาสมาคม เป็นพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์เสด็จออกที่ประชุมใหญ่เพื่อการสำคัญ โดยในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีการเสด็จออกมหาสมาคม ทั้งเป็นพระราชพิธีประจำปี และพระราชพิธีในโอกาสพิเศษ แต่ละครั้งมีขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ อาทิ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณมหินทรพิมาน สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระที่นั่งองค์พิเศษ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทั้งนี้ เพื่อพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา คณะทูตานุทูต ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

 

น้ำตาไหลพราก!! ผมรักในหลวงเหลือเกิน...เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพผู้ถวายงาน เมื่อครั้งในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม สีหบัญชร #ครั้งสุดท้าย!!

               "เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพบ้านนอก" ของคุณวสันต์ วณิชชากร  ถือเป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาจากความรัก ความจงรักภักดี ที่มาต่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดให้เห็นถึงความรักที่พ่อหลวงของเรามีให้กับพสกนิกรของพระองค์ เรื่องเล่าของ คุณวสันต์ วณิชชากร เล่าว่า 

             "เมื่อพระราชพิธีดำเนินเสร็จสิ้น พระที่นั่งที่ทรงประทับอยู่ก็เคลื่อนถอยหลังเข้าไปด้านใน พร้อมกับม่านที่ค่อยๆ เลื่อนมาปิด...พระองค์ท่านทรุดพระวรกายลงไปกับที่พิงของเก้าอี้พระที่นั่ง ทรงขืนพระวรกายที่ยังไม่แข็งแรงดี กับเครื่องทรงที่มีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัม ยันพระวรกายไว้ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องเป็นเวลานาน เพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้เห็น...ได้ชื่นชมพระบารมี"
 

 

น้ำตาไหลพราก!! ผมรักในหลวงเหลือเกิน...เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพผู้ถวายงาน เมื่อครั้งในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม สีหบัญชร #ครั้งสุดท้าย!!

"เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพบ้านนอก" โดยคุณวสันต์ วณิชชากร

         เมื่อครั้งในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธี 5 ธันวาคม 2555 ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต พระบรมรูปทรงม้า วันชื่นคืนสุข วันที่เหล่าพสกนิกรของพระองค์ต่างเฝ้ารอที่จะได้เห็น ได้ชื่นชมพระบารมี ทุกคนไม่ว่าใกล้ไกล ต่างเดินทางมาจับจองพื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ใครมาก่อนก็อยู่ด้านหน้า ใครมาหลังก็อยู่ถัดออกไป บางกลุ่มบางคนมานั่งจับจองพื้นที่ตั้งแต่ช่วงค่ำก่อนวันงาน 

         ในฐานะช่างภาพที่ต้องเข้าถวายงาน พวกเราต้องเข้าจุดที่ทางราชการจัดให้ไว้ตั้งแต่ตี4 ตี5 เพราะไม่อย่างนั้นเราจะเข้าไปที่จุดที่กำหนดไม่ได้เลย เพราะมีประชาชนแน่นขนัดไปทุกตารางนิ้ว เราขอใช้คำว่าตารางนิ้ว เพราะคนที่ได้ไปในวันนั้นทุกคนจะสัมผัสได้ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ 

         เมื่อพระราชพิธีได้เริ่มขึ้น ท่ามกลางเสียงตะโกนร้อง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ขนลุกแล้ว ขนลุกอีก แม้ตัวช่างภาพบ้านนอกจะเคยเข้าถวายงานมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้  ผมมองพระพักตร์ของพระองค์ท่านผ่านวิวไฟน์เดอร์ (ช่องมองภาพในกล้อง) ติดเลนส์เทเล (เลนส์ที่ใช้ดึงภาพที่ไกลให้มาใกล้) ระยะไกลขนาดใหญ่อยู่ตลอดเวลา ไม่ทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ไปไหน ในการเสด็จออกมหาสมาคมครั้งนี้ พระองค์ท่านเพิ่งหายจากพระอาการประชวร พระพักตร์ของพระองค์ที่มองผ่านวิวไฟน์เดอร์ดูเหนื่อยและอ่อนล้า พระองค์รับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่สั่นเทา แผ่วเบา จนผมแอบน้ำตาเอ่อซึม เพราะพระองค์ท่านคงเหนื่อยทั้งกายและใจกับเรื่องราวในประเทศที่ผ่านมา

          ในท้ายสุดของราชพิธี เมื่อทุกอย่างดำเนินไปเสร็จสิ้น พระที่นั่งที่ทรงประทับอยู่ก็ค่อยๆ เคลื่อนถอยหลังเข้าไปด้านใน พร้อมกับม่านที่ค่อยๆ เลื่อนมาปิด วินาทีนั้น ภาพที่มองเห็นผ่านวิวไฟน์เดอร์ผ่านเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล 600 มม. "พระองค์ท่านค่อยๆ ทรุดพระวรกายลงไปกับที่พิงของเก้าอี้พระที่นั่ง" ด้วยชุดคลุมทองทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ พร้อมเครื่องแบบเต็มยศ ที่มีน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัม (ผมเพิ่งได้ความรู้จากกรมวังในวันที่ได้เข้าไปถ่ายภาพพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพในวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ) 

          โอ้พระองค์ ... กับเครื่องทรงที่มีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัม พระองค์ทรงขืนพระวรกายที่ยังไม่แข็งแรงดีของพระองค์ ยันพระองค์เองเอาไว้ด้วยเวลาเนิ่นนานหลายชั่วโมง ท่ามกลางแสงแดดร้อนที่สาดส่องทั่วบริเวณ เพียงเพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้เห็น..ได้ชื่นชมพระบารมี

          หลังวิวไฟน์เดอร์ ที่เคยมีน้ำตาที่แค่เอ่อๆ แต่ไม่ไหลล้น คราวนี้มันไหลล้นออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ว่า "ผมรักในหลวงเหลือเกิน" 

 

น้ำตาไหลพราก!! ผมรักในหลวงเหลือเกิน...เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพผู้ถวายงาน เมื่อครั้งในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม สีหบัญชร #ครั้งสุดท้าย!!

ในวันพระราชพิธี วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม สีหบัญชร และได้มีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า

"ความเมตตาปรารถนาดีต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญ ที่จะยังความพร้อมเพรียงให้เกิดมีขึ้น ทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง และถ้าคนไทยเรา ยังมีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็มีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และดำรงความมั่นคงต่อไปได้ ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน"

       การเสด็จออก ณ สีหบัญชร ในครั้งนี้ มีการต่อเติมขยายสีหบัญชรให้มีบริเวณกว้างขวางขึ้น เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์สามารถยืนประทับที่สีหบัญชรได้ พร้อมทั้งติดตั้งพระวิสูตร และเลื่อนพระราชอาสน์ออกสู่สีหบัญชรเป็นครั้งแรก

     ในโอกาสนี้ พสกนิกรที่มาเข้าเฝ้าฯ เต็มพระลานพระราชวังดุสิต เรื่อยไปจนตลอดแนวถนนราชดำเนินนอก แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ และในการเสด็จออกมหาสมาคม ในครั้งนี้ เป็นการเสด็จออกมหาสมาคมต่อหน้าพสกนิกรครั้งสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ อีกด้วย
 

 

 

ขอบคุณที่มา : เพจ ตามรอยพ่อ

เจ้าของเรื่อง คุณวสันต์ วณิชชากร