ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร

ภูลังกา วัดถ้ำชัยมงคล จ.บึงกาฬ

คราวหนึ่งพระอาจารย์วังสิ้นสติไปเกือบ ๒ วัน จึงฟื้น เมื่อท่านลืมตาขึ้นมา ก็บอกให้สามเณรคำพันธ์รีบหากระดาษ ดินสอ มาเร็วๆ เดี๋ยวจะลืม เมื่อสามเณรคำพันธ์(หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม) ได้กระดาษกับดินสอมาแล้ว ท่านก็สั่งให้จดตามที่ท่านบอกว่า “อุ อะ ยุ ยะ นะมะสัจเจ นะเมสัจจะ วะภะนะโม โหตุ” ภายหลังท่านได้เล่าให้สามเณรที่อยู่กับท่านฟังว่า

ตอนที่ท่านสิ้นสติไปนั้น ได้มีผู้ชาย ๒ คน มารับท่านขึ้นไปบนสวรรค์ ได้ผ่านวิมานปราสาทสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ กลิ่นธูปเทียนหอม ตลบอบอวนเต็มไปหมด ผู้ชายทั้ง ๒ คน พาท่านไปที่ปราสาทหลังหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พาเข้าไปในห้องโถงอันโอ่อ่า ได้พบกับเทวดาองค์หนึ่ง นั่งอยู่บนแท่นสูง และเชิญให้ พระอาจารย์วังนั่งบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ พร้อมกับแนะนำตัวว่า

เราคือพระศรีอาริยเมตไตรย เราให้บริวารไปรับท่านมาเพื่อจะบอกคาถาให้บทหนึ่ง หวังให้ท่านนำไปช่วยมนุษย์ เพราะในกาลข้างหน้า มนุษย์จะได้รับความเดือดร้อนจากภัยต่างๆ ท่านมีคาถาอะไรใช้บ้าง”

พระอาจารย์วังก็ได้ตอบท่านว่า

กระผมมีคาถาแก้วสารพัดนึกอยู่บทหนึ่งคือ นะ มะ อะ ชะ อุรัง อังคุ มุนะ”

พระศรีอาริยเมตไตรยก็กล่าวกับท่านพระอาจารย์วังว่า

คาถาเดิมของท่านมันยังไม่เต็มบท ให้เอาคาถานี้เพิ่มเข้าไป ท่านจะใช้คาถาอะไรก็ตาม อย่าลืมเอาคาถานี้ต่อท้ายทุกครั้ง”

เราคือพระศรีอาริยเมตไตรย..จะบอกคาถาให้บทหนึ่งให้ท่านนำไปช่วยมนุษย์ "พระอาจารย์วัง" ขึ้นไปบนสวรรค์ หลังหมดสติเกือบ ๒ วัน.

 

 

ประวัติพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร

 พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร เกิดที่บ้านหนองคู ตำบลกระจาย อำเภอลุมพุก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งบัดนี้ได้ขึ้นกับอำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธรแล้วท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๕ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด บิดาชื่อว่า นายหลวงลา มารดาชื่อว่า นางคำ นามสกุล ขันเงิน ภายหลังเพราะเหตุไรไม่อาจทราบได้เปลี่ยนนามสกุลนี้มาเป็น สลับสี ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๗ คน ดังนี้

๑. นายอาน สลับสี

๒. พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร (สลับสี)

๓. นายลี สลับสี

๔. นายสุภีย์ สลับสี

๕. นางไพ

๖. นางเงา

๗. นายส่าน ( เวียง ) สลับสี

ปฐมวัย

ท่านได้เล่าว่าเรียนจบชั้น ป.๔ ที่โรงเรียนบ้านหนองคูนั้นเอง ท่านเป็นคนสมองทึบ แม้จะเรียนจบ ป.๔ ก็เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก แต่ต่อมาเมื่อท่านบรรพชาอุปสมบทได้เล่าเรียนจากครูบาอาจารย์แล้ว ท่านอ่านออกเขียนได้ ทั้งหนังสือไทย หนังสือธรรม กลับเป็นคนละคน คือสมองท่านกลับเป็นผู้จำง่ายขึ้น คงเป็นเพราะอำนาจของสมาธิภาวนานั่นเอง อุปนิสัยของท่านชอบเป็นนายหมู่ ในหมู่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน มีเด็กเป็นฝูงห้อมล้อมท่าน บางทีก็สมมติท่านเป็นพระ แล้วหมู่เด็กทั้งหลายก็กราบท่าน อย่างนี้เป็นต้น

ออกบรรพชา

ท่านได้เล่าถึงการออกบวชของท่านเมื่ออายุ ๑๓ ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ว่า เป็นเหตุการณ์พิเศษกว่าการออกบวชของท่านผู้อื่น จึงขอเล่าตามที่ท่านเล่าให้ฟังดังนี้

มารดาของท่านเป็นคนใจบุญ เข้าวัดจำศีลฟังธรรมและถวายอาหารแก่พระภิกษุสามเณรที่วัดบ้านหนองคูทุกวัน วันหนึ่งพระอาจารย์ทองสา ที่อยู่ที่วัดนั้นถามถึงเด็กชายวังว่า เขาทำอะไรบอกให้เขามาบวชด้วย หลังจากมารดาของท่านบอกให้ทราบว่า ท่านอาจารย์ที่วัดถามหาขอให้ไปบวชด้วย เท่านั้นเองท่านก็บอกทันทีว่าไม่บวช แม้มารดาบิดาจะขอร้องบอกกล่าวอย่างไร ท่านก็ยืนยันคำเดียวว่าไม่บวชอยู่นั้นเอง หลายวันต่อมา ท่านได้ออกไปเลี้ยงวัวควายกับบรรดาเด็กทั้งหลายเหมือนทุกวันท่านคิดว่า ถึงอย่างไรบิดามารดาคงจะนำเราไปบวชแน่นอน ดังนั้นจะไม่กลับเข้าบ้านอีก ได้ฝากวัวควายที่ไปเลี้ยงไล่กลับบ้านกับเพื่อนฝูง ตัวท่านเองอาศัยนอนที่บนเถียงนา ซึ่งมีฟางข้าวใส่ไว้เกือบเต็ม ท่านก็นอนในระหว่างกองฟางเหล่านั้น เถียงนานี้ห่างจากบ้านประมาณ ๑ กิโลเมตรครึ่ง เมื่อเพื่อนเด็กเลี้ยงควายทั้งหลายออกไปในวันใหม่ ท่านก็ได้อาศัยกินข้าวน้ำจากเด็กเหล่านั้น ท่านอยู่ในสภาพนั้น ๔-๕ คืน

ส่วนทางวัด ท่านอาจารย์ทองสาได้ถามถึงว่า เถียงนานั้นเป็นของใคร อยู่ในที่นาใคร เมื่อท่านทราบแล้ว ภายหลังจากฉันข้าวเสร็จวันหนึ่งได้พาเณรตัวโตๆ ๓ รูปออกไปด้วย เมื่อออกไปถึงเถียงนานั้นแล้ว ท่านจึงบอกให้เณร ๓ รูปยืนเป็นแถวกั้นอยู่ทางบันได แล้วท่านเรียกออกไปว่า “ นายวัง ” ๓-๔ ครั้ง ขณะนั้นท่านนอนอยู่ในนั้น พอได้ยินเสียงเรียกก็เข้าใจทันทีว่าคราวนี้คงมาตามเราไปบวชแน่ จึงคิดจะหนีไปให้พ้น เมื่อรู้ว่ามีเณรยืนอยู่ทางบันได ท่านจึงผลักเถียงนาทางด้านหลัง แล้วกระโจนลงจากเถียงนา วิ่งหนีสุดกำลัง สามเณรทั้ง ๓ รูปจึงวิ่งตามไปจับตัวไว้ กว่าจะทันก็วิ่งผ่านไปหลายไร่นา เมื่อจับได้แล้วจึงเอาผ้าอาบน้ำมัดที่ข้อมือแล้วท่านก็ตามกลับมาโดยดี เมื่อกลับถึงวัดแล้วพระอาจารย์ก็ให้โกนผมทันที แล้วนำไปบวชกับท่านพระครูวิจิตร วิโสธนาจารย์ ที่วัดบ้านหนองคูนั้นเองหลังบวชแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาที่นั้น ๑ พรรษา

เราคือพระศรีอาริยเมตไตรย..จะบอกคาถาให้บทหนึ่งให้ท่านนำไปช่วยมนุษย์ "พระอาจารย์วัง" ขึ้นไปบนสวรรค์ หลังหมดสติเกือบ ๒ วัน.

 

มรณภาพ

มาวันหนึ่งท่านได้อาเจียนและถ่ายเป็นเลือดออกมาไม่มาก ตั้งแต่ตอนเช้ามาจนถึงเย็นวันนั้นดูอาการของท่านอ่อนเพลียมาก อาการทางกายก็ไม่มีอะไรอีก ท่านได้พูดเบาๆแต่เสียงปกติว่า “มันจะตายก็ให้มันตายไป” แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง ท่านก็ได้มรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา ๒๐.๑๘ น. ของวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมอายุได้ ๔๑ ปี

เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ก็มีการฉีดยาป้องกันการเน่า และไม่มีรถบริการเคลื่อนศพไปจากกรุงเทพฯ ได้ เพราะได้รับคำบอกว่า นอกเสียจากเรามีรถส่วนตัวจึงนำศพกลับต่างจังหวัดได้ จึงตกลงเอาศพฝากวัดดวงแข หัวลำโพง ไว้ก่อน

ในปีต่อมาพระอาจารย์โง่น โสรโย ได้นำอัฐิของพระอาจารย์วังออกจากวัดดวงแขไปจัดงานถวายเพลิงศพที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมืองจังหวัดนครพนม โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ ท่านพระครูวิจิตร วินัยทร(ต่อมามีสมณศักดิ์ พระราชสุทธาจารย์) ซึ่งเป็นกรรมวาจาจารย์ ของพระอาจารย์วังนั้นเอง ได้กรุณาช่วยจัดการถวายเพลิงศพให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ

ท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ท่านมีลูกศิษย์เป็นพระภิกษุอยู่ ๓ รูป คือ

๑. ท่านเจ้าคุณพระอุดมสังวรวิสุทธิเถร(พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

๒. ท่านพระอาจารย์โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร

๓. ท่านเจ้าคุณพระจันโทปมาจารย์(คำพันธ์ จนฺทูปโม) วัดศรีวิชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม


เราคือพระศรีอาริยเมตไตรย..จะบอกคาถาให้บทหนึ่งให้ท่านนำไปช่วยมนุษย์ "พระอาจารย์วัง" ขึ้นไปบนสวรรค์ หลังหมดสติเกือบ ๒ วัน.

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล มา ณ ที่นี้ 

SaRaN WiKi คาถาครูพักลักจำ

dharma-gateway.co

เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์