ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้" กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ แม้วันนี้ก็ยังทรงไม่ละทิ้งพสกนิกรตามสัญญา

หนึ่งบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ประชาชนคนไทยถูกเล่าบอกต่อมานานถึง ๗๐ ปี นับเนื่องแต่การเสด็จขึ้นครองราชย์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือประโยคที่ว่าในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน” ... และพระองค์ได้ทรงตอบว่า " ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"

ในเพจเฟสบุ๊กชมรมคนรักในหลวง http://welovethaiking.com/ ได้โพสต์เรื่องราวอีกแง่มุมที่หลายคนให้ความสนใจ ดังเนื้อหาสาระที่ปรากฎดังนี้หลายท่านคงได้อ่านเรื่องราวและได้ยินประโยคนี้กันมานาน ว่า "ในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน" แล้วใครกันที่เป็นผู้ร้องตะโกนทูลพระองค์เช่นนั้น วันนี้ขออนุญาตคัดบทความมาเรียบเรียงให้เพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวแห่งความประทับใจและเก็บไว้ในความทรงจำของเราเพื่อสั่งสอนให้ลูกหลานของเราได้เห็นว่าประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ที่ดีมากขนาดไหนซึ่งไม่เคยละทิ้งประชาชนเลย

พระราชนิพนธ์บันทึกประจำวันบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันเสด็จฯ จากสยามสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คงพอจะสะท้อนให้เห็นถึงความรักของประชาชน ที่พร้อมใจส่งเสด็จอย่างมืดฟ้ามัวดิน

"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้" กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ แม้วันนี้ก็ยังทรงไม่ละทิ้งพสกนิกรตามสัญญา

วันที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙..."วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว" พอถึงเวลาก็ลงจากพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่างนั้นแล้ว ก็ไปยังวัดพระแก้วเพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกต และพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง

แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์ ตลอดทางที่รถพระที่นั่งแล่นผ่านฝูงชนที่มาส่งเสด็จอย่างล้นหลาม ได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนที่แสดงความจงรักภักดี

บางแห่งใกล้จนทอดพระเนตรเห็นดวงหน้าและแววตาชัด ที่บ่งบอกถึงความเสียขวัญอย่างใหญ่หลวง ทั้งเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย

อันเป็นภาพที่ทำให้อยากรับสั่งกับเขาทุกคน ถึงความหวังดีที่ทรงเข้าพระทัย และขอบใจเขาเช่นกัน

ขวัญของคนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าขาดกำลังใจ ถ้าขวัญเสีย มีแต่ความหวาดระแวง ประเทศจะมีแต่ความอ่อนแอและแตกสลาย

พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง ๒๐๐ เมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก

ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้จนชิดรถที่เรานั่ง กลัวเหลือเกินว่า ล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุด

ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงโห่ร้องถวายพระพรได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ เข้าพระกรรณ์ ว่า...."

"ในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน"

อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า

"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"

เสียงนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พระองค์ท่านทรงนึกถึงประชาชนอยู่ตลอดเวลา จึงได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะศึกษาเล่าเรียน เพื่อจะได้นำความรู้ ความสามารถ พัฒนาประเทศ กลับมาดูแลประชาชนของพระองค์ และพระองค์ทรงกลับมา...กลับมาทำสิ่งเหล่านี้...ให้ประชาชนของพระองค์

เป็นที่น่าประหลาดว่า ต่อมาอีกประมาณ ๒๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบชายที่ร้องตะโกนทูลพระองค์ไม่ให้ทิ้งประชาชนนั้นเป็น "พลทหาร" และในปัจจุบันเขาออกไปทำนาอยู่ในต่างจังหวัด

เขากราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่ทรงทิ้งราษฏร เขาทูลว่าตอนที่เขาร้องไปนั้น...เขารู้สึกว้าเหว่และใจหาย ที่เห็นพระเจ้าแผ่นดินเสด็จไปจากเมืองไทย กลัวจะไม่เสด็จกลับมาอีก....

เขาดีใจมากที่ได้เฝ้าฯ อีก กราบบังคมทูลถามว่า...

"ท่านคงจำผมไม่ได้ ผมเป็นคนร้องไม่ให้ท่านทิ้งประชาชน"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า "เราน่ะรึที่ร้อง"

"ใช่ครับ ตอนนั้นเห็นหน้าท่านเศร้ามาก กลัวจะไม่กลับมา จึงร้องไปเหมือนคนบ้า"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบ "นั่นแหละ ทำให้เรานึกถึงหน้าที่ จึงต้องกลับมา"

 

 

"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้" กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ แม้วันนี้ก็ยังทรงไม่ละทิ้งพสกนิกรตามสัญญา
 

 

แม้ประเทศไทยจะไม่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ แล้ว แต่สิ่งแทนพระองค์ก็ยังประจักษ์ชัดเจนต่อสายตาพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ นั่นคือ พระราชกรณียกิจนับตั้งแต่ทรงครองราชย์ ซึ่งมากมายนานัปการตลอดช่วงพระชนมายุ ทรงมีผลงานประจักษ์ทั้งโครงการในพระราชดำริต่างๆ โครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชกระแสรับสั่ง และนวัตกรรมต่างๆ ดังที่ประชาชนทั่วไปทราบกันดีแล้ว รวมไปถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถูกยกย่องจากนานาชาติ และรัฐบาลไทยหลายคณะก็ได้ยกมาเป็นสิ่งที่อ้างอิงทุกครั้ง ขณะที่โครงการหลวงส่วนพระองค์ก็ยังทำให้ประชาชนท้องถิ่นทุรกันดารดำรงชีพอยู่ได้

สิ่งเหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ตรัสแล้วไม่คืนคำ ด้วยถ้อยคำเปี่ยมพระราชปณิธานในวันนั้น ที่ว่า "ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"

พระราชาพระองค์นี้ ทรงมีพสกนิกรอยู่ในพระราชหฤทัยเสมอมา ดังเช่นพวกเราชาวไทย ก็จะมีพระองค์ สถิตย์อยู่ในดวงใจตลอดไป เช่นเดียวกัน

 

ข้อมูลจาก : สมุดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดเกล้าฯ จัดทำขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานเป็นที่ระลึกแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2511 สมาชิก  / pantip หมายเลข 3475194 / welovethaiking.com