๑๐๐ ปี ชาตกาล!! "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" เปิดตำนาน "วิชาพระลักษมณ์หน้าทอง" เสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรงจากครูโขนละครสมัย ร.๖!!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

๑๐๐ ปี ชาตกาล!! "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" เปิดตำนาน "วิชาพระลักษมณ์หน้าทอง" เสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรงจากครูโขนละครสมัย ร.๖!!

          เนื่องในวันที่ ๑๐ มกราคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของ หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว สุดยอดพระเถราจารย์แห่งแผ่นดิน หากพูดถึงท่านก็คงหนีไม่พ้นวิชาพระลักษมณ์หน้าทอง นับเป็นวิชาสายเมตตามหานิยมที่มี อานุภาพสูงส่ง  ชาวโขนละครในนับถือกันมากที่สุด  เชื่อกันว่าใครได้ครอบแล้วจะเป็นเมตตามหานิยมแก่ตนเองไปหาผู้ใดเขาก็รัก จะร้องรําทําเพลงประการใด ใครๆ ก็ชอบ  ดังนั้นจึงเป็นที่นับถือกันมาก สายวิชาพระลักษมณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของครูบาอาจารย์สมัยก่อน อย่างไรก็ตามวิชาพระลักษมณ์หน้าทองนั้นก็มีหลายสาย อย่างพวกลิเกก็มีวิชาตํารับพระลักษมณ์หน้าทองเช่นกัน  ใช้เสกแป้งสำหรับทาหน้าทาตัว แต่วิชาของหลวงปู่กาหลงนั้นเป็นวิชาสายในวังที่หาได้ยากเก่าแก่ที่สุด วิชาอาคมของหลวงปู่กาหลงนั้น ได้มาจากสุดยอดเกจิระดับตำนานมากมายหลายท่าน แต่ที่สร้างชื่อเสียงร่ำลือเป็นที่รู้จักกว้างขวาง คือ "พระลักษมณ์หน้าทอง"

๑๐๐ ปี ชาตกาล!! "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" เปิดตำนาน "วิชาพระลักษมณ์หน้าทอง" เสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรงจากครูโขนละครสมัย ร.๖!!

          สำหรับวิชานี้เป็นที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับอํานาจแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ชาวโขนละครในสมัยก่อนต่างนับถือกันนัก  วิชานี้หลวงปู่กาหลงเล่าว่าท่านได้รับการถ่ายทอดจากครูผึ่ง ซึ่งเป็นครูโขนละครในสมัยรัชกาลที่ ๖ ตอนที่ครูผึ่งพบท่านนั้น ครูผึ่งชรามากแล้ว ส่วนท่านเพิ่งเป็นพระได้ไม่กี่พรรษา เล่าว่าครูผึ่งพอใจในวัตรปฏิปทาของท่านจนบังเกิดเป็นความศรัทธา  และได้ถวายวิชานี้ให้แก่ท่าน  แต่เดิมหลวงปู่กาหลงท่านก็ไม่อยากรับวิชานี้  แต่เมื่อครูผึ่งได้พยายามอยู่หลายหนท่านก็อ่อนใจ จนรับครอบวิชานี้จากท่าน และที่สำคัญคือหลวงปู่กาหลง ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่มีพลังจิตสูง และมีเมตตาสูงมากดังนั้นการทำวิชาพระลักษมณ์หน้าทองของหลวงปู่จึงเหนือกว่าสายอื่นๆ มาก ผู้ที่ได้ลงวิชากับท่านนอกจากจะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์มหานิยมแล้ว ยังเป็นผู้ที่มีวาสนาดี มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตอย่างสูงสุด ความน่าอัศจรรย์ของวิชาพระลักษมณ์หน้าทองจึงนับว่าสูงส่งยิ่งนัก

 

๑๐๐ ปี ชาตกาล!! "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" เปิดตำนาน "วิชาพระลักษมณ์หน้าทอง" เสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรงจากครูโขนละครสมัย ร.๖!!

         ด้านตำนานของวิชาพระลักษมณ์หน้าทองนั้น มาจากเรื่องรามเกียรติ์ ในท้องเรื่องรามเกียรติ์นั้นพระรามมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน คนที่สนิทที่สุด คือพระลักษมณ์ ตัวพระรามนั้นเป็นนารายณ์อวตาร ร่างมีสีเขียว ส่วนพระลักษมณ์นั้นเป็นองค์อนันตนาคราชกลับชาติมาเกิดเพื่อช่วยเหลือพระรามในการสังหารอสูร มีร่างกายสีทอง ทั้งนี้เนื่องจากองค์อนันตนาคราขแต่เดิมนั้นก็มีเกล็ดเป็นทองคำทั้งร่างเมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นพระลักษมณ์ก็มีกายทองตามไปด้วย ลักษณ์พระลักษมณ์นั้นกล่าวคำบรรยายว่า หนึ่งพักตร์ สองกร มีพระพักตร์เป็นสีทองคำ ใส่มงกุฎยอดแหลม อยู่ในพงศ์พันธุ์แห่งองค์นารายณ์อวตาร เรียกสั้นๆ ว่า "นารายณ์พงศ์"

         พระลักษมณ์นั้นตามท้องเรื่องรามเกียรติ์เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญชาญชัย ซื่อสัตย์ต่อองค์พระรามด้วยชีวิต ดังจะเห็นได้ว่าครั้งหนึ่งอสูรนามว่ากุมภกัณฑ์มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ เมื่อได้ทีจะพุ่งใส่พระราม แต่พระลักษมณ์ออกมารับแทนจนโดนฤทธิ์ของหอกโมกศักดิ์เจ็บเจียนตาย เกือบไม่รอด นี่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อองค์พระรามผู้พี่อย่างยากที่จะหาใครมาเปรียบได้ นอกจากนี้พระลักษมณ์ยังเป็นผู้มีจิตใจเยือกเย็น คอยคิดคอยช่วยเหลือพระรามโดยตลอด

         พระลักษมณ์เป็นผู้ที่มีวาสนาสูงส่งผู้หนึ่งของโลกในยุคนั้นเรื่องความมีวาสนาหรือบุญบารมีของพระลักษมณ์นั้นก็ไม่ธรรมดาเพราะครั้งที่มีการแข่งขันยกมหาคันศรเพื่อเสี่ยงทายว่าผู้ใดที่ยกได้จะได้นางสีดาไปเป็นภรรยา เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามาแข่งขันเพื่อจะยกก็หาใครยกได้ไม่ แม้รวมคนตั้งพันมายกก็ยังยกไม่ขึ้น พอพระลักษมณ์มาลองยกก็ยกได้แต่ด้วยรู้ว่าพี่ชายคือพระรามนั้นรักนางสีดาอยู่ก็เลยขอสละสิทธิ์ให้พระรามมายกปรากฏว่าพระรามก็ยกได้และได้แต่งงานกับนางสีดา นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พระลักษมณ์แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจทั้งยังแสดงให้เห็นถึงบุญบารมีของพระลักษมณ์ว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน

 

๑๐๐ ปี ชาตกาล!! "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" เปิดตำนาน "วิชาพระลักษมณ์หน้าทอง" เสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรงจากครูโขนละครสมัย ร.๖!!

        ในเรื่องรามเกียรติ์พระลักษมณ์มีอาวุธเป็นพระขรรค์กายสิทธิ์เรื่องการได้อาวุธคู่บารมีของพระลักษมณ์นั้นก็เป็นด้วยบุญของพระลักษมณ์เช่นกัน เล่าว่าก่อนหน้านั้นมีอสูรตนหนึ่งภาวนาขอพรจากพระเป็นเจ้าเมื่อบำเพ็ญตบะจนแก่กล้าพระเป็นเจ้าก็ประทานพรให้ อสูรของอาวุธวิเศษพระเป็นเจ้าก็บันดาลให้เกิดพระขรรค์แก้วร่วงหล่นลงมาจากบนฟ้าแต่ด้วยกรรมบังตาอสูรเกิดความไม่พอใจคิดว่าพระเป็นเจ้าหมิ่นเกียรติตนเองจึงเขวี้ยงพระขรรค์ลงมาเช่นนี้ อสูรจึงทิ้งพระขรรค์นั้น ต่อมาพระลักษมณ์เดินทางมาถึงพบพระขรรค์วิเศษทิ้งเอาไว้ พระลักษมณ์ลองนำมากวัดแกว่งดูปรากฏว่าสะท้านสะเทือนไปทั้งสามโลก อสูรตนดังกล่าวรู้ว่าเป็นฤทธิ์อำนาจจากพระขรรค์ที่ตนบำเพ็ญตบะจึงจะมาเอาคืน ต่อสู้ด้วยกับพระลักษมณ์ พระลักษมณ์จึงได้ใช้พระขรรค์วิเศษฟันตัวอสูรจนขาดเป็นสองท่อน อสูรนั้นก็ถึงแก่ความตาย ตำนานเรื่องพระลักษมณ์จากรามเกียรติ์นั้นมีด้วยกันหลายตอนแม้ว่าจะไม่มีบทบาทมากเท่าพระรามแต่ก็เป็นบุคคลสำคัญที่ใครๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี

         ที่สำคัญคือด้วยการที่พระลักษมณ์ในกายทอง องค์พระลักษมณ์จึงเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงมาแต่กำเนิด ทั้งคำว่าลักษมณ์ ยังเป็นคำใกล้เคียงกับคำว่า "รัก" อีกด้วย ดังนั้น นามพระลักษมณ์หน้าทองนี้ จึงเป็นตัวแทนแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยมได้เป็นอย่างดีที่สุด และในสายวิชาทางไสยศาสตร์ที่มักมาจากตำนานทางศาสนาพราหมณ์ ก็ได้นำเอาตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์หลายองค์มาเป็นครูในสายวิชา อย่างพระรามก็มักเป็นครูในสายวิชาทางการรบทัพจับศึก คงกระพันชาตรี ส่วนพระลักษมณ์ผู้น้องที่มีร่างเป็นทองคำนั้นก็เป็นครูสายวิชาเสน่ห์เมตตามหานิยม พระรามและพระลักษมณ์จึงเหมือนพลังคู่ หยินหยาง พระรามเป็นอำนาจประดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน พระลักษมณ์เป็นอำนาจประดุจพระจันทร์เต็มดวงยามเที่ยงคืน ที่เยือกเย็นเป็นเสน่ห์อันสุดประมาณมิได้ ด้วยเหตุนี้กำเนิดเหตุวิชาพระลักษมณ์หน้าทองจึงบังเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่งพระลักษมณ์บุคคลสำคัญผู้หนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์

๑๐๐ ปี ชาตกาล!! "หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว" เปิดตำนาน "วิชาพระลักษมณ์หน้าทอง" เสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ได้รับถ่ายทอดโดยตรงจากครูโขนละครสมัย ร.๖!!

         หลวงปู่กาหลง เดิมท่านเป็นชาวคลอง ๗ ปทุมธานี เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๑ มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน ท่านเป็นบุตรคนโต โดยก่อนที่หลวงปู่ท่านจะเกิด ก็ได้เกิดนิมิตขึ้นมาดังนี้ มีชายคนหนึ่งชื่อ ลุงบาง กำลังออกหาปลา อาชีพของเขาในตอนนั้น ในตอนนั้นเขากำลังอยู่ใกล้บริเวณบ้านของหลวงปู่ ตอนนั้นท่านยังไม่เกิด ตอนนั้นลุงบางได้เห็นลูกไฟลูกหนึ่งลอยมาหน้าบ้านของหลวงปู่ ทันใดนั้นดวงไฟนั้นก็ได้กลายเป็นฤๅษี กำลังจูงเด็กน้อยเข้าไปในบ้านหลวงปู่ เมื่อแกเห็นเป็นเช่นนั้น แกจึงได้ยกมือไหว้ด้วยความเลื่อมใส และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าเด็กในบ้านนี้เกิดเป็นผู้ชาย แกจะเลิกจับปลาเด็ดขาด ต่อมา ผู้หญิงผู้ชายในบ้านนี้ก็ได้คลอดลูกออกมาเป็นลูกชาย ตั้งชื่อให้ว่า กาหลง หลังจากนั้นลุงบางก็ได้เลิกหาปลาตามที่เขาได้สัญญาไว้ ในชีวิตวัยเยาว์ หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่มีใจฝักใฝ่ต่อพระพุทธศาสนา ท่านชอบไหว้พระ หรือเมื่อพ่อแม่ของท่านชวนท่านไปวัด ท่านก็จะไปวัดกับพ่อแม่เป็นประจำ ท่านชอบนั่งสมาธิภาวนาอยู่เป็นประจำ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ตอนนั้น ท่านมีอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดนาบุญ คลอง ๗ จังหวัดปทุมธานี ในวันที่ท่านบวช ลุงบางก็ได้เล่านิมิตที่ลุงบางได้เก็บมานานถึง ๒๐ ปี ให้หลวงปู่ฟัง และหลังจากหลวงปู่ท่านอุปสมบทแล้ว ลุงบางก็ทำหน้าที่เป็นโยมอุปฐาก คอยดูแลหลวงปู่อย่างใกล้ชิด

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ เขียวแก้วประกาศิต อิทธิฤทธิ์บารมีหลวงปู่กาหลง

ขอบคุณภาพจาก : เพจ พิพิธภัณฑ์ หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว Luang pu Kalong museum