ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

น้อมกราบรำลึก!! ๗ กุมภาพันธ์ ครบรอบ ๑๐ ปี วันละสังขาร "หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก" พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน แห่งวัดป่าโนนแสงทอง !!

 

           เนื่องในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ครบรอบ ๑๐ ปี วันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่สมัย ทีฆายุโก วัดป่าโนนแสงทอง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ท่านถือเป็นพระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพศรัทธามาเนิ่นนาน 

น้อมกราบรำลึก!! ๗ กุมภาพันธ์ ครบรอบ ๑๐ ปี วันละสังขาร "หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก" พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน แห่งวัดป่าโนนแสงทอง !!

 

             หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก มีชาติกำเนิดในสกุล โสภาจร เดิมชื่อ พิสมัย เนื่องจากชื่อเดิมนั้น เป็นชื่อของผู้หญิงจึงได้ตัด "พิ" ออก คงเหลือไว้แต่ "สมัย" ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๓ ปีมะเมีย ณ บ้านนาเตียง ตำบลตาลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดินจังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อนายสา โสภาจร โยมมารดาชื่อเพ็ง โสภาจร 
ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๘ คน เป็นชาย ๔ คน หญิง ๔ คน

             ชีวิตตอนเป็นเด็กของหลวงปู่สมัย ท่านมีหน้าที่ช่วยบิดามารดาทำ เรือกสวน ไร่นา พร้อมทั้งต้องทำหน้าที่ช่วยพี่ๆ น้องๆ ด้วย หากจะนึกย้อนกลับไปสมัยที่ท่านยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ณ บ้านเกิดของท่านก็คงมีลักษณะเป็นป่า สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันตัวเป็นเกลียว ในการช่วยในการไถ ปักกล้า ดำนาด้วย จนท่านได้อายุ ๙ ขวบ ได้เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ที่โรงเรียประชาบาล ตั้งอยู่ในวัดอัมพวัน บ้านนาเตียง ตำบลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร และได้ย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนในวัดแจ้ง บ้านหนองหวาย ซึ่งห่างจากบ้านนาเตียง ๒-๓ กิโลเมตร ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ บิดาได้นำฝากให้เป็นเด็กวัดกับพระซึ่งอยู่วัดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พระที่อยู่ด้วยได้เอาไปฝากเข้าโรงเรียนช่างไม้สกลนคร ซึ่งปัจจุบันเป็น "โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล" อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เรียนอยูเป็นเวลา ๓ ปี ขณะนั้นอายุได้ ๑๖ ปี และได้กลับมาอยู่ที่บ้านนาเตียง ตามเดิม เพื่อช่วยบิดามารดาทำทำนาทำสวน


            พออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในทางพระพุทธศาสนา โดยเข้าฝึกคำบรรพชาอุปสมทบ ณ วัดสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง ตำบลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ในวันนั้นมีการบรรพชาอุปสมบทพร้อมกัน ๔ รูป คือ บวชพระ ๓ รูป และบวชเป็นสามเณร ๑ รูป ที่สิมน้ำบ้านหนองดินดำ (อุโบสถที่อยู่กลางน้ำ ทางพระพุทธศาสเราเรียกว่า "อุทกเขปสีมา") โดยมีพระครูพุฒิวราคม (หลวงพ่อพุฒิ ยโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์นนท์ โกวิโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๔๙๓ เมื่อบวชแล้ว ท่านหลวงปู่และพระกรรมวาจาจารย์ ได้เดินทางไปจังหวัดนครพนม พักอยู่ที่วัดอรัญญิกาวาส โดยมีพระอาจารย์บุญมา มหายโส (พระครูไพโรจปัญญาคุณ) เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น บวชด้วยกันทั้งหมด ๔ รูปดังนี้คือ

๑. นาคเคน ฤกษ์งาม ปัจจุบันคือหลวงปู่เคน เขมาสโย ซี่งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าหนองหว้า บ้านหนองหว้า ตำบลทรายมูล อำเภอสว่างแดนดิน จัวหวัดสกลนคร

๒. นาคประสาร ลำไพ ปัจจุบัน คือหลวงพ่อประสาร ปัญญาพโล (พระครูพิศาลปัญญาคม) เจ้าอาวาสวัดป่าคามวาสีและเจ้าคณะอำเภอสว่างแดนดิน บ้านหนองดินดำ ตำบลตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร 

๓. นาคสมัย โสภาจร ปัจจุบันคือหลวงสมัย ทีฆายุโก เจ้าอาวาสวัดป่าโนนแสงทอง บ้านสร้างดู่-ดอนเขือง ตำบลแวง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

๔. เณรชาลี โคตรสมบูรณ์ บวชเณรและลาเพศสิกขาเป็นฆราวาสครองเรือนในปัจจุบัน

 

น้อมกราบรำลึก!! ๗ กุมภาพันธ์ ครบรอบ ๑๐ ปี วันละสังขาร "หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก" พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน แห่งวัดป่าโนนแสงทอง !!

(หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหายธรรม)

 

หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร แห่งวัดถ้ำสหายธรรม ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า

"หลวงปู่สมัย มีบุญคุณกับเรามาก ท่านเป็นผู้สอนเราขานนาค จนเป็น"

         หลวงปู่สมัย ท่านเป็นผู้เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย ข้อวัตรปฏิบัติ และธุดงควัตร องค์ท่านเคยได้อยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกับครูบาอาจารย์หลายๆ รูปเช่น หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่มหาบุญมี สิรินธโร หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ และหลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป หลวงปู่สมัย ท่านมีหลวงปู่เคน เขมาสังโย และ หลวงปู่ประสาร ปัญญาพโล เป็นสหธรรมิก ท่านเป็นผู้มีนิสัยสุขุม เยือกเย็น พูดน้อย พูดจริง ทำจริง ตรงไปตรงมา มักน้อย สันโดษ สมถะ มีเมตตาสูง ท่านชำนาญทั้งด้านช่างไม้ และช่างปูน สามารถสร้างและออกแบบเสนาสนะได้เป็นอย่างดี

 

"...ขึ้นถ้ำขึ้นภูขึ้นเขาไปบ้านน้อยเมืองใหญ่ แต่ว่าการเดินภาวนาของเรานั้นมีสติ มีพุทโธ พุทโธ พุทโธ ทุกย่างก้าว หมู่พวกที่เดินให้เราเห็นเดี๋ยวนี้ ถึงจะเดินสะพายบาตรเหมือนกันแบกกลดเหมือนกัน คลุมจีวรเหมือนกัน แต่ว่าจะภาวนาไหมหนอ จะพุทโธ ไหมหนอ นี่มันสำคัญตรงนั้น พวกท่านเห็นผ้าสีดำคล้ำๆ กลดใหญ่ๆ อยู่ที่ไหนก็กรรมฐาน กรรมฐานมันไม่ได้อยู่แค่นั้น กรรมฐานมันอยู่กับสติกับพุทโธ มันไม่ได้อยู่กับกลดใหญ่ กับผ้าดำเท่านั้น..." โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่สมัย ทีฆายุโก

น้อมกราบรำลึก!! ๗ กุมภาพันธ์ ครบรอบ ๑๐ ปี วันละสังขาร "หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก" พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน แห่งวัดป่าโนนแสงทอง !!

 

         หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กรอปด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม องค์ท่านละขันธ์ลงด้วยอาการสงบ ณโรงพยาบาลยุพราช อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เมื่อเวลา ๐๔.๑๕ น. ของวันพฤหัสบดีที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ สิริรวมอายุได้ ๗๘ ปี ๑ เดือน ๔ วัน ๕๗ พรรษา

 

"...ให้กำหนดไปเห็นกระดูกสันหลังหรือไม่ หรือเห็นกระดูกแขน กระดูกขา กระดูกซี่โครงส่วนใดส่วนหนึ่ง ถ้ามันติดใจมันสนใจและถ้ามันติดใจสนใจอยู่ตรงไหนก็ให้หยุดอยู่ตรงนั้น และเอาหลักตรงนั้นมาเป็นหลักพิจารณา ถึงแม้มันจะไม่เห็นทั่วตัวก็ตามให้เอาตรงนั้นเป็นหลักเสมอ ถ้าจะพิจารณาตรงใดก็ให้กำหนดตรงที่เดิม แล้วมันจะค่อยๆขยายออก ขยายออก ส่วนที่ไม่เคยรู้ก็จะได้รู้ ส่วนที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น นี่แหละที่เรียกว่าการพิจารณาร่างกาย ก็ถือว่าเป็นการภาวนาเหมือนกัน..."

 

โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่สมัย ทีฆายุโก

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟสบุ๊ค ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน