ปปง.อายัดทรัพย์"สารวัตรเอี๊ยด"กับพวก 2.7 ล้านบาท

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

ปปง. ยึดทรัพย์เจ้าแม่บ่อนพนันพิษณุโลก 92 ล้าน คืนเงินให้ สกสค.กว่า 800 ล้าน หลังจากยื่นขอคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ พร้อม อายัดทรัพย์สินผู้กองเอี๊ยดกับพวก 2.7 ล้านบาท
         

วันนี้ (26 ก.พ.)  ที่สำนักงาน ปปง. เมื่อเวลา 10.00 น.  พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวเปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 3/2559  เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้ 1.ยึดทรัพย์เจ้าของบ่อนพิษณุโลก 92 ล้านบาท สืบเนื่องจากสำนักงาน ปปง. ได้รับการประสานจาก สภ.เมืองพิษณุโลก ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินกรณีการตรวจยึดทรัพย์สิน นางพัณณ์ชิตา หีบนาค กับพวก ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ในความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันและฟอกเงิน จับกุมเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.57 ที่โรงแรมจัสมินรีสอร์ท เลขที่ 7/105 ถ.พระร่วง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
         

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นางพัณณ์ชิตา กับพวก เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันและนำเงินที่ได้จากการจัดให้มีการเล่นการพนันดังกล่าว ไปซื้อทรัพย์สินเป็นที่ดิน เครื่องประดับและทองคำสะสมไว้ อันเป็นการปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา เป็นพฤติการณ์แห่งการกระทำเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ เกี่ยวกับการพนันตามกฎหมาย ซึ่งจากพฤติการณ์ดังกล่าวคณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติอายัดทรัพย์สินของนางพัณณ์ชิตา หีบนาคกับพวก อย่างต่อเนื่อง จำนวน 344 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 92 ล้านบาท
         

2.อายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก เพิ่มเติม รวมมูลค่า 2.7 ล้านบาท ตามที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้มีหนังสือมายังสำนักงาน ปปง. ขอให้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของ พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก ร่วมกันกระทำความผิดในฐานความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ พบว่า พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยทุจริต

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่ออีกว่า  3.คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย คืนทรัพย์ให้ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กว่า 800 ล้านบาท จากการที่ สกสค. ได้รับความเสียหายกรณี นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวก มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อนุมัติเงินกองทุนของ สกสค. ให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน นั้นถือเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติอายัดทรัพย์สินในคดีดังกล่าว จำนวนกว่า 800 ล้านบาท
         

ทั้งนี้ ในการประชุมมีมติให้เลขาธิการ ปปง. ขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวก ไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากศาลมิได้มีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายก็ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
         

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้ สำนักงาน ปปง. จัดทำ แบบคำร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน  ทั้งแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยผู้เสียหายสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ปปง.www.amlo.go.th หรือ มารับได้ที่ส่วนรับเรื่องเรียน กองสื่อสารองค์กร สำหรับผู้เสียหายที่เป็นชาวต่างประเทศ หากมีความประสงค์จะยื่นคุ้มครองสิทธิดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดแบบคำร้องภาษาอังกฤษได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน ปปง. 1710 และเว็บไซต์สำนักงาน ปปง. www.amlo.go.th