ผู้เชี่ยวชาญ เตือนเชื้อฝีดาษลิงอาจอยู่ในตัวผู้ป่วยได้นานกว่าที่คิด

ผู้เชี่ยวชาญ เตือนเชื้อฝีดาษลิงอาจอยู่ในตัวผู้ป่วยได้นานกว่าที่คิด แม้จะไม่กระจายเร็วเท่าโควิด แต่ก็สร้างความกังวลใจให้ทั่วโลกไม่น้อย ซึ่งก่อนหน้านี้ เยอรมนีมีคำแนะนำให้กักตัวผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงนาน  21 วัน และสั่งซื้อวัคซีนโรคไข้ทรพิษหรือฝีดาษในคน 40,000 โดส เพื่อฉีดให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหากการระบาดรุนแรงมากขึ้น 

โดย คาร์ล ลอเตอร์บาค รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี แถลงเมื่อวันอังคารออกคำแนะนำให้มีการกักตัวผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงนานอย่างน้อย  21  วัน และกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิด  21 วันด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นมาตรการที่เพียงพอควบคุมการระบาดในเวลานี้ได้ และจากข้อมูลในขณะนี้บ่งชี้ว่ายังมีความเสี่ยงต่ำ ที่เชื้อจะแพร่ระบาดสู่ประชาชนในวงกว้างทั่วเยอรมนี รวมทั้งให้ความมั่นใจว่าการพบผู้ป่วยในขณะนี้ยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการระบาดครั้งใหญ่

ทั้งนี้ เขาบอกว่ารัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนอิมวาเน็กซ์  Imvanex  ของบริษัทบาวาเรียน นอร์ดิก ในเดนมาร์ก จำนวน 40,000 โดส ซึ่งเป็นวัคซีนโรคไข้ทรพิษหรือฝีดาษในคน ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ต่อสู้กับฝีดาษลิงในสหรัฐฯ เพื่อฉีดให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหากการระบาดรุนแรงมากขึ้น  วัคซีนตัวนี้สามารถใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันหรืออย่างน้อยชะลอการระบาดในผู้ที่ติดเชื้อแล้ว 

ปัจจุบันเยอรมนีพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพียง  5  คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิงรวมกว่า 250 คนทั่วโลก แต่ยังไม่จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันครั้งใหญ่ เพราะมาตการด้านสุขอนามัยและการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

 

ด้าน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเชื้อฝีดาษลิงอาจอยู่ในตัวผู้ป่วยได้นานถึง 10 สัปดาห์ หลังพบว่ามีผู้ป่วยรายหนึ่งในสหราชอาณาจักรมีเชื้ออยู่ในร่างกายนานถึง 76  วัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการค้นคว้าผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในสหราชอาณาจักร 7 คน ช่วงระหว่างปี 2561-2564 และพบด้วยว่า มีผู้ป่วยคนหนึ่งฟื้นตัวได้รวดเร็วหลังจากได้รับยาต่อต้านฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ที่เกิดกับมนุษย์

ขณะที่ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษลิง 71 คน ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการระบาดที่สร้างความวิตกไปทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่ผู้ชายที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน โดยปกติโรคนี้มักระบาดเฉพาะในแอฟริกา ที่ติดต่อจากสัตว์สู่มนุษย์ ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังและเยื่อเมือกจากสัตว์ป่วย

ภาพจาก เนชั่นทันโลก NTV World News