ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด จนลงเอยด้วยหายนะ

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด เจอสารพัดสิ่งลี้ลับ ไล่ผีเป็นร้อยรอบไม่หาย ก่อนพบกับหายนะ

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด จนลงเอยด้วยหายนะ เรื่องอีกมิติเป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ จึงทำให้หลายๆ คนต้องการค้นคว้าหาคำตอบกับสิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ทว่ากลับมีไม่กี่คนที่เจอแจ็คพอต ดันเจอสิ่งที่ไม่อยากเจอซะงั้น และบางครอบครัวก็ถึงขั้นพบกับหายนะอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด ไล่ผีเป็นร้อยรอบไม่หาย ก่อนลงเอยด้วยหายนะ

ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ ระบุถึงเรื่องนี้ว่า ครอบครัวหนึ่ง ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดผวาชวนขนลุกมาเป็นเวลาถึง 7 ปี หลังจากที่พวกเขาตัดสินใจย้ายบ้าน ไปใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านไร่อันโดดเดี่ยว ที่ตอนนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุดของสหราชอาณาจักร ซึ่งแม้ทางครอบครัวจะขอให้คนมาช่วยไล่ผีเป็นร้อยๆ ครั้ง ก็ยังไม่สามารถขจัดสิ่งลี้ลับในบ้านไปได้

 


โดยระหว่างการพอสแคสต์ทาง BBC ลิซ ริช ซึ่งขณะนี้อายุ 63 ปี ได้ออกมาเล่าย้อนช่วงเวลาอันน่าหวาดหวั่นที่เกิดขึ้น หลังจากที่เธอกับ บิล ผู้เป็นสามี และลูกที่ยังเล็กอีก 2 คน ตัดสินใจย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ที่ Heol Fanog บ้านไร่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเบรกอนบีคอนส์ ของเวลส์ เมื่อปี 2532 ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดสิ่งประหลาดเหนือธรรมชาติในบ้านแห่งนี้ 

 

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด ไล่ผีเป็นร้อยรอบไม่หาย ก่อนลงเอยด้วยหายนะ

เธอเล่าว่า สิ่งแปลกๆ ที่ครอบครัวพบเจอกันก็มีหลายอย่าง เช่นไฟตก สัตว์ในไร่ตายปริศนา ได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากบันได หรือแม้กระทั่งการเห็นผีในบ้าน ซึ่งเธอถึงขั้นบอกเลยว่า ถ้าคุณไม่เคยเจออะไรแบบนี้ มันจะดูเหมือนเราสร้างเรื่องขึ้นมา แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกแต่งขึ้นเลยสักนิด

 


พร้อมกันนี้ ลิซ ยังเผยต่อไปอีกว่าก่อนจะเกิดเรื่องชวนขนลุกต่างๆ มีสัญญาณเตือนบางอย่างเกิดขึ้นว่าทุกอย่างในบ้านดูจะไม่ถูกต้อง เช่น ค่าไฟที่สูงลิบของบ้าน ซึ่งเกินกว่าปริมาณไฟที่ทั้งครอบครัวจะใช้ได้ และแม้จะให้คนมาตรวจสอบบ้านหลายครั้ง ผู้เชี่ยวชาญก็ยังหาสาเหตุไม่ได้

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด ไล่ผีเป็นร้อยรอบไม่หาย ก่อนลงเอยด้วยหายนะ
 

จากนั้นก็คือความรู้สึกของคนในบ้าน ที่ทั้งครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่แรก ซึ่ง ลิซ ชี้ว่าพวกเธอเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก่อนจะเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นจริงๆ ในขณะที่ตัวบ้านดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พวกเธอกลับรู้สึกอึดอัดเหมือนหวาดกลัวที่แคบ เหมือนถูกบีบคั้นมากขึ้น ราวกับมีพลังงานสะสมอยู่

 

จากนั้นไม่นาน เรื่องแปลกๆ ก็เกิดถี่ขั้น ทั้งเสียงฝีเท้าจากบันได สัตว์ในไร่ที่ตายอย่างกะทันหันโดยหาคำอธิบายไม่ได้ รวมถึงปรากฏการณ์ที่เห็นทางกายภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วบ้าน โดยที่เธอไม่สามารถหาคำอธิบายด้วยหลักเหตุผลได้ บางครั้งประตูมันก็ปิดจนมีเสียงดังเอง อีกเหตุการณ์คือ หม้อน้ำมันถูกอุ่นขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำมันในนั้น 


"ตอนนั้นแหละที่ฉันคิดว่าต้องมีปัญหาร้ายแรงที่นี่" ลิซ เล่าอย่างขนหัวลุก 


กระทั่ง ลิซ กับลูกๆ ก็เริ่มเห็นวิญญาณหญิงชราที่นั่งอยู่ตรงมุมของห้องเลี้ยงเด็ก มองดูเด็กๆ เล่นกัน บางครั้งเธอก็ยังเห็นหญิงชราผ่านหน้าต่างของบ้าน ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณอีกตนที่น่ากลัวยิ่งกว่า โดยเรื่องเกิดขึ้นที่ทางเดินภายในบ้าน เธอต้องเผชิญกับเงาสูง 7 ฟุต ที่มาในรูปร่างมนุษย์แต่ไร้ใบหน้า มันน่ากลัว และแข็งแกร่ง จนเธอรู้สึกว่านี่ไม่น่าใช่ผีธรรมดา แต่อาจเป็นปีศาจที่วนเวียนอยู่ที่นั่นมาเนิ่นนาน


ยิ่งครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ก็เริ่มมีสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากขึ้นเรื่อยๆ ลิซ กับ บิล จึงไปขอความช่วยเหลือจากนักบวช จากนั้นก็มีความพยายามหาคนมาทำพิธีไล่ผีหลายต่อหลายครั้ง เพื่อจะขจัดสิ่งที่ซ่อนเร้นในบ้าน แต่ปัญหาก็ไม่หมดไป เพราะลิซชี้ว่าพวกเธอทำการไล่ผีกันหลายร้อยรอบ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แถมเธอยังเคยถูกผีสิงที่ห้องครัวด้วยซ้ำ


เธอเล่าต่อไปว่า จนตอนนี้เธอยังรู้สึกคลื่นไส้จากการที่ถูกอะไรบางอย่างเข้าสิงที่บ้านนั้น แม้จะจำรายละเอียดไม่ได้ก็ตาม แต่เธอสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังถูกล่วงล้ำ มีความคิดบางอย่าง พลังงานบางอย่าง พยายามเข้าครอบงำร่างกายของเธอแม้ในช่วงเวลาสั้นๆ

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด ไล่ผีเป็นร้อยรอบไม่หาย ก่อนลงเอยด้วยหายนะ


แต่ในที่สุดหลังเวลาผ่านไป 7 ปี ทางครอบครัวก็ตัดสินใจทิ้งบ้านดังกล่าว ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น แต่เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวยังไม่จบ โดยลิซบอกว่า บิล สามีของเธอถูกบ้านกัดกินจิตวิญญาณ มันทำให้เขาเปลี่ยนไปจากคนหนุ่มหน้าตาดี ที่มีชีวิตชีวา กลายเป็นคนซึมเศร้าติดเหล้า เขาจมอยู่ในความมืดมิด เขาเริ่มดื่มมากขึ้น อารมณ์บูดบึ้ง คล้ายกับคนที่เน่าจากภายใน กระทั่งในที่สุดมันก็ทำลายเขา


อีกทั้ง สามีของเธอบิยังหมกมุ่นและถูกสิ่งต่างๆ ครอบงำ กระทั่งในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ขณะขังตัวเองอยู่ในสตูดิโอที่เขาใช้ทำงาน


แต่แม้จะย้ายออกจากบ้านหลอน แต่ครอบครัวของลิซก็ยังถือครองบ้านหลังนั้นอยู่อีกหลายสิบปี และยอมรับว่า คนอื่นอาจจะคิดว่าพวกเธอเป็นคนแปลกๆ ที่แต่งเรื่องขึ้น แต่พวกเธอต้องมีจินตนาการที่ชั่วร้ายแค่ไหนถึงสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ ที่บ้านหลังนั้น เธอไม่ปล่อยให้ลูกๆ นอนกันตามลำพังด้วยซ้ำ แต่จะให้มานอนด้วยกัน เพราะเธอรู้สึกถูกคุกคามมากๆ และในตอนนี้เธอก็ไม่รู้สึกกลัวผีอีกต่อไป เพราะเธอได้เจอกับสิ่งที่เหมือนปีศาจมาแล้วในบ้านหลังนั้น
 

ครอบครัวดวงซวย เพิ่งรู้ย้ายเข้าบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุด ไล่ผีเป็นร้อยรอบไม่หาย ก่อนลงเอยด้วยหายนะ

ข้อมูลจาก เดลี่เมล
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline