- 06 มี.ค. 2559
ติดตามข่าวสารข้อมูล www.tnews.co.th
"องอาจ" ค้านกรธ.เขียนรธน. กำหนดให้มีสว.สรรหา 200 คน ถือเป็นแนวทางย้อนยุค สงสัยทำไมคสช.ต้องแต่งตั้งด้วย สุดท้ายไม่พ้นครหามารับใช้ผู้มีอำนาจ
วันนี้ ( 6 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นจากกรณีที่กรธ.เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ว. สรรหา 200 คน ในระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปี กล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่ย้อนยุคมากเกินไป แม้จะใช้คำว่าสรรหา แต่เมื่อดูในทางปฏิบัติแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นการแต่งตั้ง ที่ คสช. และรัฐบาลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ ลากตั้ง” และถ้าการแต่งตั้งมีคนมาจาก คสช. ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็จะหนีไม่พ้นที่จะถูกครหา นินทา ว่าร้ายอยู่ดี ถึงแม้ คสช. แล รัฐบาล จะมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง อยากให้มี ส.ว. มาช่วยสานงานต่อด้านปฏิรูป แต่คนอื่นในสังคม ก็อาจจะคิดได้เช่นกันว่า ทำไมต้องมีเฉพาะพวกที่ได้ รับแต่งตั้งจาก คสช. และรัฐบาลเท่านั้น จึงจะทำการปฏิรูประยะเปลี่ยนผ่านได้รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาซึ่งการได้มาของ ส.ว. ก็จะเห็นว่าประเทศไทยเคยกำหนดวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. มาแล้วหลายรูปแบบ มีทั้งแบบแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจ ก็ถูกตำหนิว่าทำงานรับใช้ผู้มีอำนาจอย่างเดียว ประชาชนไม่มีส่วนร่วม แต่พอมาใช้วิธีเลือกตั้ง ส.ว. โดยตรงจากประชาชน ก็ถูกสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ตั้งฉายาว่า “ สภาทาส” จึงเปลี่ยนมาเป็นเลือกตั้งครึ่งหนึ่ง สรรหาครึ่งหนึง ก็ยังไม่ตอบโจทย์ของสังคมได้รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จึงเสนอการได้มาซึ่ง ส.ว. ในร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกให้เป็นแบบเลือกทางอ้อม เลือกไขว้จากกลุ่มสาขาอาชีพ ซึ่งก็เป็นรูปแบบใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะตอบโจทย์ของสังคมได้หรือไม่ อย่างไรก็ดีถ้าต้องเลือกระหว่าง ส.ว. สรรหา หรือ ส.ว. แต่งตั้ง กับรูปแบบการได้มาซึ่ง ส.ว. ตามร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ของกรธ. ควรนำรูปแบบตามร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกมาปรับแก้ไข ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น น่าจะเกิดประโยน์มากกว่า"อยากจะฝากไปถึง กรธ.ว่า ขณะนี้อนาคตของประเทศอยู่ในกำมือแล้ว ท่านจะทำให้ประเทศเดินหน้าหรือถอยหลังจะทำให้มีปัญหาเพิ่มขึ้น หรือปัญหาลดลง อยากให้คิดให้ไกลแล้วไปให้ถึง ไม่ใช่คิดแค่เฉพาะหน้า เฉพาะกิจ เฉพาะกาล ซึ่งจะไม่ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ควรคิดถึงหลักที่ถูกต้อง ไม่ใช่เป็นไม้หลักปักเลน โอนเอนไปตามแรงกดดัน เชื่อว่ากรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ก็คงมุ่งหวังอยากให้รัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ที่จะออกมาผ่านการทำประชามติ เพราะฉะนั้นจึงควรเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด เราทราบดีว่าคงไม่มีใครร่างรัฐธรรมนูญให้ถูกใจทุกคนได้ แต่อะไรที่เป็นหลักก็ควรยึดไว้ ให้ประชาชนพอรับได้ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เอาแบบพอดีๆ แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญออกมาแล้วหลักถูกทำให้เลอะเทอะ โอกาสที่คนจะรับร่างรัฐธรรมนูญก็จะลดน้อยถอยลง" นายองอาจกล่าว






