ศาลรธน. อ่านคำวินิจฉัย ตัดสิน สิระ เจนจาคะ ขัดคุณสมบัติความเป็นส.ส.

ศาลรธน. อ่านคำวินิจฉัย ตัดสิน สิระ เจนจาคะ ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ขัดคุณสมบัติความเป็นส.ส. หลังโดนร้องเคยต้องคำพิพากษา

สิ้นสุดไปแล้ว สำหรับคำวินิจฉัย นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นเหมือนการชี้ชะตาว่า นายสิระ จะได้ไปต่อในฐานะส.ส. หรือไม่ หากศาลวินิจฉัยขัดคุณสมบัติความเป็นส.ส. จะส่งผลให้มีการคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ซึ่ง เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 151

ศาลรธน.นัดอ่านคำวินิจฉัย "สิระ เจนจาคะ " ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ

พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ


ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด ยี่สิบปีในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย

ศาลรธน.นัดอ่านคำวินิจฉัย "สิระ เจนจาคะ " ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย นายสิระ ว่ามีลักษณะต้องห้ามในการใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เป็นผลให้สมาชิกสภาพส.ส.สิ้นสุดลง เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า  นายสิระ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดเกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา นายสิระ จึงเป็นบุคคลลักษณะต้องห้ามเป็นส.ส.เป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 เป็นต้นไป  

 

หลังจากนี้ กกต.จะมีการพิจารณาดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัครซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10ปี ปรับตั้งแต่  20,000 -200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ศาลรธน.นัดอ่านคำวินิจฉัย "สิระ เจนจาคะ
ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด ยี่สิบปีในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย

 

อนึ่ง นายสิระ เจนจาคะ  ถือว่าเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทการทำหน้าที่ในสภาฯ ขณะเดียวกัน ยังเป็นส.ส.ที่ได้รับขนานนามจากแวดวงทางการเมือง ตามโลกโซเชียล เป็น "ส.ส.หิวแสง" บ้างก็มี เนื่องจาก "นายสิระ" มักเข้าไปติดตามตรวจสอบเหตุการณ์ที่อยู่ในกระแสความสนใจของผู้คน 

 

ไม่เพียงเท่านั้น "นายสิระ" ยังตกเป็นข่าวในช่วงแรกๆที่เข้ามาทำหน้าที่ส.ส. ด้วยการลงพื้นที่จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารชุด หรือคอนโดมิเนียมหรู เป็นที่พักอาศัยบนที่ดินซึ่งได้รับการร้องเรียนว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียงได้รับผลกระทบ ช่วงนั้นเองปรากฎคลิปอื้อฉาว เป็นเหตุการณ์ที่"นายสิระ"กำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ โดยนายสิระต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากไม่มีตำรวจมาดูแลระหว่างที่ ส.ส.ลงพื้นที่ 

ศาลรธน.นัดอ่านคำวินิจฉัย "สิระ เจนจาคะ

หรือแม้แต่ในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  "นายสิระ" เจ้าของพื้นที่เขตหลักสี่ ก็ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างรพ.สนามพลังแผ่นดินที่มีนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ดำเนินการ จนมีวิวาทะตอบโต้กันผ่านสื่อมวลชน ระยะหนึ่ง 

 

เช่นเดียวกับ การออกมาแถลงข่าวตอบโต้ทางการเมืองกับ"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  เตมียาเวส" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จนในที่สุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ยื่นคำร้องผ่านประธานสภาฯ  ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นส.ส.จนนำมาสู่การอ่านคำวินิจฉัย "นายสิระ"  ขัดคุณสมบัติความเป็นส.ส. และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  

ศาลรธน.นัดอ่านคำวินิจฉัย "สิระ เจนจาคะ