รอง ผบช.น. กางความผิดคดีม็อบขับไล่นายกฯ รู้ตัวแล้ว 172 ราย

หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันประท้วงเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากการบริหารจัดการโรคระบาดโควิด 19 ที่ล้มเหลว อีกทั้งแผนจัดการวัคซีนก็ยังได้ไม่ทั่วถึงและครอบคลุมประชาชน ซึ่งบางช่วงตอนทำให้เกิดการจราจรที่ติดขัด

 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงสรุปการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ที่จัดการชุมนุมระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการกระทำผิดดังต่อไปนี้ 

การกระทำผิดกฎหมายในข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก. ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.ความสะอาด, พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ใน 5 ท้องที่ ได้แก่ ท้องที่สน. นางเลิ้ง ชนะสงคราม ดุสิต สำราญราษฎร์ และ ลุมพินี 

ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เพื่อสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมรวมทั้งสิ้น 18 คดี จากกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสิ้น 9 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม 
2. กลุ่มไทยไม่ทน ของนายจตุพร พรหมพันธุ์
3. กลุ่มประชาชนคนไทย ของนายนิติธร ล้ำเหลือ 
4. กลุ่มคาร์ม็อบของนายสมบัติ บุญงามอนงค์
5. กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ
6. กลุ่มกิจกรรม Bangkok sandbox
7. กลุ่มอาชีวะปกป้องประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 
8. กลุ่มราษฎรและเยาวชนปลดแอก
9. กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า 

โดยขณะนี้ทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว 172 ราย

ส่วนการชุมนุมของหมู่บ้านทะลุฟ้าและกลุ่มฮาเลย์ ที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 23 และ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาบริเวณห้าแยกลาดพร้าวและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึงทำเนียบรัฐบาลนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้สน.พหลโยธิน พญาไท และนางเลิ้ง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยเตรียมจะออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อหาอีกกว่า 20 ราย

พร้อมฝากเตือนผู้ชุมนุมที่จะมีกิจกรรมคาร์ม็อบขับไล่นายกรัฐมนตรีบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเช่นกัน ว่าการจัดกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด การกระทำที่เป็นลักษณะชุมนุมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นความผิดทั้งสิ้น หากผู้ชุมนุมจะช่วยประเทศชาติ ด้วยการยกเลิกการชุมนุม ก็เป็นหนทางที่ดีกว่า

ขอบคุณภาพจาก Nation Online