ฝรั่งงงเลย ป้ายเตือน สึนามิในไทย บอกจุดปลอดภัยเมื่อคลื่นยักษ์ถล่ม

ฝรั่งงงเลย ป้ายเตือน สึนามิในไทย บอกจุดปลอดภัยเมื่อคลื่นยักษ์ถล่ม งานนี้ต่างชาติเกาหัว "ไอว่ามันจะไกลไปนะ"

ฝรั่งงงเลย ป้ายเตือน สึนามิในไทย บอกจุดปลอดภัยเมื่อคลื่นยักษ์ถล่ม กลายเป็นภาพไวรัลที่ชาวเน็ตไทยและต่างชาติต่างแสดงความคิดเห็นกันรัวๆ เมื่อ เพจเฟซบุ๊ก Very Finnish Problems เผยภาพป้ายเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami Hazard zone) ซึ่งตั้งไว้เตือนนักท่องเที่ยว มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ดูเผินๆ ก็เหมือนจะปกติดี 

 

เนื่องจากในรูปสามารถเข้าใจง่ายเพื่อให้ผู้คนเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุ สึนามิซัดเข้าชายฝั่ง พร้อมระบุภาษาไทยว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ให้หนีห่างจากชายหาดและขึ้นที่สูงโดยเร็ว ทว่าเมื่อมองไปยังข้อความภาษาอังกฤษงานนี้มีต้องเช็คพาสปอร์ตและเงินในกระเป๋าให้ดีเลยหล่ะ


เพราะภาษาอังกฤษระบุว่า "IN CASE OF EARTHQAKE. GO TO HIGH GROUND OR FINLAND" ซึ่งหากชาวต่างชาติลองอ่านจะเข้าใจประมาณว่า "หากเกิดแผ่นดินไหว ให้ขึ้นไปพื้นที่สูงหรือประเทศฟินแลนด์"

ฝรั่งงงเลย ป้ายเตือน สึนามิในไทย บอกจุดปลอดภัยเมื่อคลื่นยักษ์ถล่ม งานนี้ต่างชาติเกาหัว

ทั้งนี้หลังจากภาพนี้ถูกแชร์ออกไปได้กลายเป็นไวรัลชวนอมยิ้มในโลกโซเชียล ซึ่งชาวต่างชาติหลายคนได้อ่านแล้วก็งงเหมือนกันว่าทำไมต้องให้ไปไกลถึงฟินแลนด์ แต่ก็พอเข้าใจว่าอาจจะพิมพ์ป้ายผิด จาก "INLAND" (พื้นดิน) เป็น "FINLAND" ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า คนพิมพ์ F เกินมานั่นเอง

ฝรั่งงงเลย ป้ายเตือน สึนามิในไทย บอกจุดปลอดภัยเมื่อคลื่นยักษ์ถล่ม งานนี้ต่างชาติเกาหัว
นอกจากนี้ ความคิดเห็นจากชาวต่างชาติพากันต่อมุกสนุกสนาน บ้างมองว่าป้ายก็เขียนถูกแล้วที่ให้หนีไปฟินแลนด์ เพราะเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติจริงๆ แต่ถ้าจะไปก็อย่าลืมเช็กสภาพอากาศด้วย เพราะจากหนีคลื่นอาจจะไปเจออากาศหนาวจนติดลบ 40 องศาได้เช่นกัน ป้ายเตือนสึนามิ 


ขณะที่คนไทยบางส่วนยังไปปั่นกลับเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่าป้ายนั้นเขียนถูกแล้ว เพราะเวลาเกิดสึนามิขึ้นมา พวกเราก็ว่ายน้ำหนีไปฟินแลนด์เป็นปกตินะ ส่วนชาวต่างชาติบางคนก็ยืนยันว่าป้ายที่พิมพ์ผิดนี้มีอยู่จริงๆ พร้อมกับบอกว่าอยู่ที่พิกัดหาดแหลมสะพานหิน จ.ภูเก็ต แต่ก็ไม่แน่ใจว่าขณะนี้ได้มีการแก้ไขแล้วหรือยัง

ฝรั่งงงเลย ป้ายเตือน สึนามิในไทย บอกจุดปลอดภัยเมื่อคลื่นยักษ์ถล่ม งานนี้ต่างชาติเกาหัว
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline