- 16 ก.ย. 2568
ผบ.ตร. เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลดล็อกบัญชีบริสุทธิ์ภายในครึ่งวัน เริ่มวันนี้วันแรก หวั่นมิจฉาชีพใช้โอกาสหลอกประชาชนเพิ่มขึ้น
วันนี้ (16 ก.ย. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมตำรวจระดับผู้บัญชาการทั่วประเทศผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามและสั่งการเร่งแก้ปัญหาการปลดล็อกบัญชี
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า เบื้องต้นให้ใช้คำว่า “ระงับบัญชี” เฉพาะก้อนเงินที่พบความเกี่ยวข้องกับบัญชีผู้กระทำผิด ไม่ใช่การอายัดทั้งบัญชี ซึ่งเป็นการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นก็จะให้ผู้บริสุทธิ์ยืนยันหรือแสดงตัวตน 4 ประการ ประกอบด้วย
- ชื่อ–นามสกุล
- เลขบัตรประชาชน
- เลขบัญชีธนาคาร
- ธนาคารที่เจ้าของบัญชีใช้
หากยืนยันและตรวจสอบพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ก็จะปลดล็อกให้ภายในครึ่งวัน โดยจะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก ซึ่งสามารถแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านในพื้นที่ และขอยืนยันว่านี่ไม่ใช่การผลักภาระให้กับประชาชน แต่เป็นเพียงการยืนยันตัวตนเพื่อความบริสุทธิ์กับทุกฝ่าย
โดยกระบวนการทั้งหมด พนักงานสอบสวนจะเร่งรัดประสานกับศูนย์ PCT ก่อนรวบรวมส่งไปให้ทาง AOC ซึ่งเป็นศูนย์ใหญ่จัดการกับเรื่องนี้ โดยยึดการบริหารงานที่ตำรวจเคยมีประสบการณ์ในคดีใหญ่ ๆ มาแล้ว ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องรวดเร็วที่สุด และมาตรการนี้จะสามารถลดภาระให้กับศูนย์ AOC ที่คู่สายปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้เสียหาย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการกำชับไปที่ 191 และ 1559 ให้ช่วยรองรับในการแก้ปัญหาให้กับผู้เสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้
สำหรับกระบวนการนี้ ยอมรับว่ามีการเรียกร้องจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ในเรื่องของภาระสำนวนที่มากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการบริหารภายในองค์กรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่ต้องพบกับอาชญากรรมรูปแบบที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการบริหารจะต้องเปลี่ยนตาม หรือเพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนให้มากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ส่วนกระแสสังคมที่เรียกร้องว่า กระบวนการดังกล่าวจะทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ในการฟอกตัว หรือสร้างปัญหาให้กับประชาชนในหลายรูปแบบนั้น ตำรวจก็จะนำมาตรการเหล่านี้เข้ามาควบคุมเพื่อปิดกั้น ไม่ให้เกิดช่องว่างสำหรับมิจฉาชีพ ซึ่งจากการคัดกรอง 2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีการแจ้งความประมาณ 1,300 คู่สาย ตรวจสอบยืนยันความบริสุทธิ์ได้ 300 สาย ยืนยันไม่ได้ 1,000 สาย และจัดการปลดล็อกแล้ว 30 ราย
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่าตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ในการปลดล็อกบัญชีกับผู้เสียหาย หากมีหลักฐานให้ส่งข้อมูลมา และจะตรวจสอบว่าการเสียเงินนั้นเป็นไปตามกฎหมายหรือตามข้อบังคับหรือไม่ แต่หากไม่มีกฎหมายรองรับก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น






