ตำนานเล่าขาน "เมืองลับแล" ดินแดนลึกลับกลางป่า ทุกคนในเมืองถือสัจจะวาจา ว่ากันว่าเป็นสถานที่จากอีกมิติหนึ่ง...

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

ตำนานเล่าขาน "เมืองลับแล" ดินแดนลึกลับกลางป่า ทุกคนในเมืองถือสัจจะวาจา ว่ากันว่าเป็นสถานที่จากอีกมิติหนึ่ง...

ตำนานลี้ลับ เมืองลับแล

        เรื่องเมืองลับแล เป็นนิทานพื้นบ้านเล่ากันว่าเป็นเมืองของคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต โกหกคำเดียวไม่ได้ ลูกเขยเห็นลูกร้องไห้ กล่อมแบบไหนก็ไม่หยุด หลุดปากหลอกลูกว่า แม่มาแล้ว...เท่านั้นแหละ ก็ต้องออกจากเมือง

        เกร็ดของเรื่องอยู่ตรงขมิ้นที่เมียจับยัดใส่เต็มย่าม...ระหว่างเดิน เหนื่อยมาก ก็ควักทิ้ง เหลือขมิ้นอยู่แง่งเดียว พอถึงบ้านล้วงขึ้นมาจึงรู้ว่าเป็นทอง

        เรื่องเมืองลับแล ทำนองนี้เล่ากันทั่วไป ไปเมืองไหนก็เล่า กระทั่งที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์

ตำนานเล่าขาน "เมืองลับแล" ดินแดนลึกลับกลางป่า ทุกคนในเมืองถือสัจจะวาจา ว่ากันว่าเป็นสถานที่จากอีกมิติหนึ่ง...

         หนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ จังหวัดอุตรดิตถ์ อธิบายคำ “ลับแล” ไว้ว่าที่ซึ่งมองดูไม่เห็น เป็นชื่อเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ลึกลับซับซ้อน มองจากภายนอกจะมองเห็นเป็นป่า ไม่ค่อยพบเห็นบ้านเรือน คนต่างถิ่นหากหลงเข้าไปก็มักหาทางออกไม่เจอ

        บรรยากาศทั่วไปเยือกเย็นยามพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ ไม่ทันตกดิน ก็มืดแล้ว เพราะมีดอยม่อนฤๅษีสูงใหญ่เป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ ป่าบริเวณนี้เรียกว่า ป่าลับแลง... ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นคำว่า “ลับแล”

        บริเวณที่เป็นที่มาของชื่อ ลับแล คือห้าตำบลด้านเหนืออำเภอลับแล...ตำบลชัยจุมพล ตำบลศรีพนมมาศ ตำบลฝายหลวง ตำบลแม่พูล ตำบลนานกกก

        ชาวลับแลมีอาชีพทำสวนทุเรียน สวนลางสาดบนภูเขา ผู้ชายใช้ชีวิตส่วนใหญ่ดูแลสวน ทิ้งลูกหลานอยู่ที่บ้าน ใครผ่านไป ก็เจอแต่ผู้หญิง นี่ก็คือที่มาของฉายา “เมืองแม่ม่าย”

ตำนานเล่าขาน "เมืองลับแล" ดินแดนลึกลับกลางป่า ทุกคนในเมืองถือสัจจะวาจา ว่ากันว่าเป็นสถานที่จากอีกมิติหนึ่ง...

        ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นเมืองที่ไม่มีใครเห็นซ้อนทับอยู่คนละมิติกับโลกของเรา ซึ่งจะมีชื่อตรงกับเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีการเล่ากันต่อๆ มาว่าเคยมีคนพลัดลงเข้าไปในเมืองนี้ อย่างเช่น ถ้าต้องเดินป่าในเวลาค่ำคืนระหว่างทางอาจจะมีคนชวนให้เดินตามแล้วหลุดไปในเมืองลับแล โดยเฉพาะเด็กๆ มักจะมีข่าวเสมอๆ ว่าหายตัวไปแล้วหาไม่เจอ แต่พอไม่กี่วันก็จะพบ แล้วเด็กๆ เหล่านั้นก็มักจะเล่าเรื่องคล้ายๆ กันว่ามีคนมาชวนไปที่เมืองแห่งหนึ่ง พาไปเล่นจากนั้นก็จะพากลับมาส่ง แต่เด็กบางคนก็ไม่พบเห็นอีกเลย

           นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าของชายคนหนึ่งที่ต้องเดินทางเพื่อจะไปบ้านญาติอีกจังหวัดแต่เกิดหลงทางเดินเข้าไปในป่านานพอสมควรสักพักก็เห็นแสงไฟมาจากบ้านหลังหนึ่ง เมื่อไปถึงคนในบ้านก็ทำการต้อนรับอย่างดีให้ที่พักและเลี้ยงอาหารจนกระทั่งหลับไป ตื่นเช้ามาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่กลางทุ่งนา นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีพระธุดงค์บางรูปที่เดินธุดงค์ในป่า บางวันเช้าขึ้นมาจะมีชาวบ้านมาดักใส่บาตร ซึ่งจริงๆ แล้วในป่าในเขาไม่น่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่ จึงเป็นเรื่องที่เล่ากันว่าชาวเมืองลับแลออกมาใส่บาตรพระธุดงค์นั่นเอง

ตำนานเล่าขาน "เมืองลับแล" ดินแดนลึกลับกลางป่า ทุกคนในเมืองถือสัจจะวาจา ว่ากันว่าเป็นสถานที่จากอีกมิติหนึ่ง...

            แต่เมืองลับแลก็ยังเป็นเพียงตำนานที่เล่าสืบขานต่อกันมา เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเมืองตั้งอยู่ที่ใดและลักษณะเป็นอย่างไร หรือเป็นเพียงความเหนื่อยในระหว่างเดินทางที่ทำให้คนเราคิดไปเองกันแน่

        ในปัจจุบันก็ยังไม่มีผู้ใดสรุปได้ว่า เมืองลับแลจริง ๆ นั้น ตั้งอยู่ในส่วนใดของ จ.อุตรดิตถ์ กันแน่มีเพียงแต่ ชื่อเมืองลับแลที่เป็นตำบลของจังหวัดและมีประชาชนอาศัยอยู่กันมาจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเมืองลับแลที่เป็นตำนานมานั้นมีอยู่จริงหรือไม่

 

 

 

จินต์จุฑา รายงาน

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://skynews.sayhibeauty.com/

                        http://www.clipmass.com/