ตามหาความจริงจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งใหญ่!! พระอาจารย์จวนรู้หรือไม่...ว่า "เที่ยวบินนั้นมีความตายรออยู่"? ถ้ารู้...ทำไมไม่ถอยหลัง?!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ http://www.tnews.co.th

จากเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ที่ทำให้วงศ์พระป่ากรรมฐานต้องสูญเสียครูบาอาจารย์ถึงห้ารูป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ”

ในเว็บไซต์ธรรมะเกตเวย์ (www.dharma-gateway.com) ได้มีท่านหนึ่งตั้งคำถามไว้น่าสนใจว่า พระอาจารย์จวนท่านรู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่าเครื่องบินลำนั้นมีความตายรออยู่? ถ้ารู้...ทำไมท่านไม่ถอยหลัง?

ผู้รู้คำตอบที่แท้จริงคงมีตัวตนอยู่  แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้รู้ท่านนั้นคือใคร อยู่ที่ไหน และบางทีอาจจะเป็นตัวพระอาจารย์จวนเพียงผู้เดียวก็ได้

และในหนังสือ “กุลเชฏฐาภิวาท” ซึ่งเรียบเรียงและเขียนโดย “คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต” ก็มีคำตอบต่อคำถามนี้ปรากฏอยู่

คุณหญิงสุรีพันธุ์เป็นศิษย์ที่นับว่าใกล้ชิดพระอาจารย์จวนมากที่สุดท่านหนึ่งที่ได้พากเพียรพยายามเขียนบันทึกชีวประวัติของพระอาจารย์จวนอย่างแข็งขันจนปรากฏเป็นหนังสือเล่มดังกล่าว  คุณหญิงเล่าว่า

“สิ่งที่ผู้เขียนสนใจในขณะนั้นก็คือการเขียนประวัติของท่าน  ท่านเล่าว่าเคยเล่าประวัติบางตอนให้ศิษย์คนหนึ่งคือคุณขันธ์ เทศประสิทธิ์ จดเอาไว้ โดยห้ามมิให้นำไปแพร่หลายที่ไหน  แต่ปรากฏว่าญาติของคุณขันธ์ผู้หนึ่งคือท่านมหาบุญธรรม อาทรธัมโม ได้พบบันทึกนั้น เห็นเป็นประดุจมณีมีค่าจึงได้นำไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ ‘ลานโพธิ์’

ประวัติชุดนี้ต่อมาท่านมหาบุญธรรมก็นำมามอบลิขสิทธิ์ให้ผู้เขียนเพื่อว่าอาจจะมีโอกาสนำไปเขียนเพิ่มเติมเผยแพร่ให้ดีขึ้น  แต่เมื่อท่านอาจารย์ทราบก็ห้ามผู้เขียนไม่ให้เขียนต่อไป  ท่านว่าไม่อยากให้เผยแพร่หลาย  ที่ลงพิมพ์ไปแล้วก็แล้วไป  แต่ไม่อยากให้ทำใหม่ จะดูเป็นการโฆษณาหาชื่อเสียงไป

แม้ท่านจะห้ามแล้ว แต่ผู้เขียนก็ไม่ละความพยายาม  เรียนท่านว่า  การเขียนประวัติบุคคลนั้นทั่วโลกเขานิยมยกย่องกันมาก  โดยเฉพาะอัตตโนประวัติหรือ Autobiography ซึ่งเจ้าของประวัติเป็นผู้เล่าเอง ถือว่าเป็นการให้บทเรียนแนวทางดำเนินชีวิตแด่อนุชนผู้อยู่หลังอย่างมีค่าที่สุด  ประสบการณ์ของผู้เกิดก่อนย่อมเป็นเสมือน ‘ครู’ ให้ผู้อยู่หลังได้ศึกษาสิ่งที่ผิดพลาด ก็จะทำให้ระมัดระวัง ไม่กระทำผิดซ้ำรอย  แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงามก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์ได้ชื่นชมและพยายามดำเนินตาม ‘รอยเท้า’ ของครูบาอาจารย์ให้ได้ ...”

ต่อมาคุณหญิงสุรีพันธุ์ได้กราบเรียนพระอาจารย์จวน ขอให้ท่านอัดเทปทิ้งไว้ก่อน ซึ่งท่านก็กรุณาอัดไว้ให้  คุณสุรีพันธุ์ก็ส่งเทปเปล่าไปถวายท่านเรื่อย ๆ  ท่านว่างก็อัดไว้เรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน  คุณหญิงเล่าต่อไปว่า

“สุดท้ายคิดว่าท่านคงลืมหรือไม่สนใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง  กระทั่งวันหนึ่งก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๒๑ ท่านจึงได้เอ่ยขึ้นโดยไม่มีอารัมภบทใดล่วงหน้าเลย ...

‘ประวัติเสร็จแล้ว...จะเอาไหม?’

‘ประวัติ!’ ... ผู้เขียนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  เป็นเวลาสองปีกว่า...ท่านไม่เคยเอ่ยถึง แล้วจู่ ๆ ท่านก็มาบอกเช่นนี้

‘ประวัติอาตมาน่ะซี ... ก็เราอยากได้ไม่ใช่หรือ’

‘เจ้าค่ะ’ ... ผู้เขียนยังงงอยู่

‘ถ้าไม่ต้องการแล้วก็ไม่เป็นไร’

‘ต้องการซีเจ้าคะ’ ... ผู้เขียนละล่ำละลักตอบ

‘รับปากได้ไหมว่าจะเก็บไว้ ไม่ให้เอาไปลอก ไม่ให้เอาไปเขียน ไม่ให้เอาไปพิมพ์ จนกว่าอาตมาจะตายแล้วจึงให้เขียนได้พิมพ์ได้ ... ถ้ารับปากไม่ได้อย่าเอาไป’

แน่นอน...ผู้เขียนรับปาก”

 

ตามหาความจริงจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งใหญ่!! พระอาจารย์จวนรู้หรือไม่...ว่า "เที่ยวบินนั้นมีความตายรออยู่"? ถ้ารู้...ทำไมไม่ถอยหลัง?!!

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

 

ตามหาความจริงจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งใหญ่!! พระอาจารย์จวนรู้หรือไม่...ว่า "เที่ยวบินนั้นมีความตายรออยู่"? ถ้ารู้...ทำไมไม่ถอยหลัง?!!

ภาพเหตุการณ์เครื่องบินตก

ต่อมาใกล้เวลาเจียนจะครบรอบอายุ ๖๐ ปีของพระอาจารย์จวนในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๓  คุณหญิงสุรีพันธุ์ก็คิดอยากจะพิมพ์ประวัติของท่านเพื่อโอกาสนั้น  ทีแรกท่านไม่อนุญาต แต่ภายหลังทนรบเร้าไม่ได้จึงอนุญาต

“ความจริงต้นเหตุที่จะมีการขออนุญาตพิมพ์ประวัติท่านเพื่อแจกในวันครบ ๖๐ พรรษา ทั้ง ๆ ที่ท่านเคยสั่งเป็นคำขาดห้ามพิมพ์โฆษณาระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นเพราะระยะหลังนี้ท่านอาจารย์เคยปรารภให้ลูกศิษย์ฟังหลายครั้งว่า ท่านและท่านอาจารย์วันต่างองค์ต่างเข้าที่พิจารณากันว่าจะมีอายุไปเท่าไหร่ เห็นว่าจะมีอายุยืนมาก  เฉพาะท่านนั้นจะมีอายุถึง ๙๒ ปีทีเดียว  ท่านเล่าว่าตอนนั้นคงไม่ได้พบกันแล้ว ต่างองค์ต่างอยู่ ไปหากันไม่ไหว ต้องสั่งฝากไปหากันเหมือนหลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวนน่ะแหละ

ผู้เขียนฟังแล้วก็เกิดความคิดว่า  ถ้าท่านจะมีอายุยืนถึงเก้าสิบกว่าปี เราจะเก็บประวัติของท่านไว้อย่างไร  เราคงตายก่อนท่านแน่  และน่าเสียดายที่ประวัติดี ๆ อย่างนี้จะต้องเก็บไว้ไม่ยอมเปิดเผยไปอีกหลายสิบปี จึงได้อ้อนวอนขอพิมพ์ก่อนโดยยกการที่ท่านจะมีอายุครบห้ารอบขึ้นมาเป็นข้ออ้าง ... และกว่าจะพิมพ์ได้ ท่านก็ทิ้งพวกเราไปแล้วจริง ๆ

เรื่องที่ว่าท่านและท่านอาจารย์วันพิจารณาแล้วจะอยู่ไปจนอายุเก้าสิบกว่านี้ ท่านพูดอยู่จนแม้เมื่อเราไปธุดงค์ที่ภูวัวกับท่านตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๓  แต่เมื่อเราได้กราบท่านเดือนมีนาคม ท่านเริ่มพูดถึงการพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจเป็นทุกข์บ่อย ๆ เทศน์เรื่องกรรม เทศน์เรื่องปัจฉิมโอวาทหลายครั้ง จนเราออกปากกันและเตรียมอัดเทป  ท่านก็ตั้งต้นเลยว่า

‘นับแต่วันนี้ไปอีกสามเดือน เราตถาคตจะขอลาพวกท่านทั้งหลายเข้าสู่พระนิพพาน เพราะอายุสังขารของเราสุดสิ้นลงเพียงแค่นั้น ... ให้พระอานนท์ประกาศแก่สงฆ์ทั้งหลายให้ทราบทั่วกัน’

จริงอยู่...ท่านเพียงได้นำพระพุทธดำรัสปลงพระชนมายุสังขารของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากล่าวซ้ำในโอกาสวันมาฆบูชา  แต่ปกติก่อนเทศน์ ท่านต้องมีอารัมภบทเล็กน้อยก่อนเสมอ เช่น ให้หลับตานั่งสงบจิต ตั้งใจฟัง วันนี้จะเทศน์เรื่องปัจฉิมโอวาท ฯลฯ หรืออะไรเหล่านี้  แต่วันนั้นท่านตั้งต้นเช่นนั้นเลยทีเดียว  เราฟังยังสะดุ้งกันอยู่  แต่แล้วก็ว่า อ้อ! เรื่องพระพุทธเจ้าน่ะ การเทศน์เรื่องกรรม เรื่องการเกิดการแก่การเจ็บการตายเป็นธรรมดา การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจ เกือบทุกวัน เราคิดกันว่าท่านเตือนพวกเรามิให้ประมาทต่อความตายเป็นธรรมดาของท่าน

ต้นเดือนมีนาคม ผู้เขียนไปราชการอเมริกาเสียสี่อาทิตย์ กลับมาถึงบ้านกลางคืนวันที่ ๓๐ มีนาคม ก็ทราบว่าที่บ้านเตรียมเรือนไทยทางด้านหลังไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะพรุ่งนี้บ่ายท่านอาจารย์วันและท่านอาจารย์จวนจะลงมากรุงเทพฯ ในกิจนิมนต์สำคัญ  ยังดีใจว่ากลับเมืองไทยก็ได้กราบครูบาอาจารย์เลย

เสร็จพิธีวันที่ ๓ เมษายน แล้ว ท่านอาจารย์วันต้องกลับไปสกลนครก่อน เพราะทางวัดถ้ำอภัยดำรงธรรมของท่านมีงานนมัสการพระมงคลมุจลินทร์บนถ้ำพวง เริ่มตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ทีเดียว  ท่านเป็นประธานในงาน และจะมีพิธีขอฝนช่วยชาวเมืองสกลนครด้วย ท่านจึงอยู่ต่อไปไม่ได้ ต้องกลับทันที

เดิมท่านอาจารย์จวนจะกลับไปพร้อมกับท่านอาจารย์วัน  ท่านว่ามาด้วยกันก็กลับด้วยกัน  แต่เมื่อพวกศิษย์กราบอ้อนวอนท่าน ขอให้อยู่ต่อไปก่อน ถ้าหากท่านจะรอกลับคืนวันศุกร์หรือวันที่ ๔ เมษายน พวกศิษย์จะขอตามไปด้วย ไม่ต้องลางาน ท่านก็เมตตารอเราอยู่

คราวนั้นมีพวกศิษย์ตามท่านกลับไปสิบกว่าคน  เราอ้อนวอนว่าขอให้แวะไปเยี่ยมท่านอาจารย์วันด้วย ท่านก็ตกลง  ขบวนรถเราวิ่งไปตลอดคืน  พอสว่างก็ถึงวัดถ้ำอภัยดำรงธรรมได้ทันถวายจังหันเช้าพอดี

เป็นวันสุดท้ายที่เราได้กราบท่านอาจารย์วัน!

และระหว่างอยู่ถ้ำพวง ผู้เขียนตอนนั้นอ่านต้นร่างประวัติของท่านอาจารย์จวนจนขึ้นใจแล้วจึงได้กราบเรียนถามถึงสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ท่านเล่าไว้ในประวัติระหว่างจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำพวง เช่น เรื่องถ้ำพระอรหันต์ชื่อพระนรสีห์มานิพพาน เรื่องกระต่ายมายืนภาวนาเวลาท่านเดินจงกรม  ถ้ำที่ท่านพักอยู่ ท่านก็เมตตานำพวกเราไปดูสถานที่ทุกจุดที่อยู่ในประวัตินั้น ทำให้ภายหลังเราได้กลับไปถ่ายภาพสถานที่เหล่านั้นมาได้ครบ

ระหว่างอยู่ที่ภูทอกต้นเดือนเมษายนนั้นเอง บ่ายวันหนึ่งท่านหันมาหาผู้เขียน ...

‘เส... เส... ช่วยทำศพให้อาตมาด้วยได้ไหม’

ระยะหลังตั้งแต่ไปธุดงค์ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ แล้ว ท่านก็มักจะไม่เรียกชื่อผู้เขียน แต่เรียก ‘เส’ แทน ย่อมาจาก ‘เสนาธิการ’ (ต้นเรื่องก็เพราะผู้เขียนเป็นคนช่างคิดช่างวางแผนทางด้านงานบุญ)  วันนั้นท่านเรียก ‘เส’ แต่ผู้เขียนก็ยังจับใจความไม่ถนัดเพราะสมองไม่ทันรับความหมาย  ท่านถามซ้ำ

‘ว่าไงเส... ทำศพให้อาตมาได้ไหม?’

ผู้เขียนยังจำได้ ... เพียงสองเดือนก่อนหน้านั้นท่านยังพูดถึงเรื่องที่ท่านและท่านอาจารย์วันจะอยู่เหมือนหลวงปู่ขาวและหลวงปู่แหวน จึงค้านว่า

‘จะทำศพอย่างไรเจ้าคะ ... ท่านอาจารย์จะอยู่ถึงเก้าสิบกว่าไม่ใช่หรือเจ้าคะ?’

หมายความว่าผู้เขียนคงจะตายก่อนท่าน หรือถ้าจะมีชีวิตยืนยาวกว่าท่าน แต่ก็คงเฉียดเก้าสิบเหมือนกัน  อายุปานนั้นแล้วจะมีสติปัญญาทำอะไรได้

ท่านก็ว่ายิ้ม ๆ ...

‘ก็ถ้าเผื่อมันต้องเปลี่ยนแปลงล่ะ’

ผู้เขียนจึงตอบว่า ‘ถ้าอย่างนั้นก็ทำถวายได้ซีเจ้าคะ’

กราบเรียนท่านแล้วก็มิได้นึกอะไรอีก จนต่อมาเกิดอุบัติเหตุแล้วเราจึงนึกกันได้

วันที่กราบลาท่านเป็นครั้งสุดท้ายคือเช้าวันที่ ๘ เมษายน  ดูเหมือนท่านมีเรื่องสั่งกำชับเรากันหลายคน  พวกที่ชอบแขวนเหรียญ มีด้ายสายสิญจน์ผูกข้อมือ ท่านก็บอกให้ถอดทิ้งในวันนั้นเอง ...

‘นักปฏิบัติแล้วไม่ต้องมีหรอก’

‘เวลาไม่มีครูบาอาจารย์ก็ปฏิบัติไปนะ... อย่าถอยหลัง’

เราก็นึกว่าท่านสอนให้รู้จักพึ่งตัวเองเวลาไม่มีครูบาอาจารย์  หมายความว่า ไม่มีครูบาอาจารย์อยู่ใกล้ อยู่ห่างกัน ก็ให้ภาวนาไป ไม่เช่นนั้นพวกเราก็มักขี้เกียจกัน คอยแต่จะต้องรอให้ท่านคุม ให้ท่านสอน ถึงจะปฏิบัติ

‘อย่าถอยหลังนะ ... รับคำอาตมาก่อน’

ท่านสั่งซ้ำ ผู้เขียนยังยิ้มเฉย นึกในใจว่าวันนี้เราถูกดุมากกว่าเพื่อน เตรียมจะกราบลา  ท่านก็ว่าเรานั่นแหละ ...

‘อย่าเพิ่งไป... รับคำอาตมาก่อน... เราอย่าถอยหลังนะ!’

ระหว่างที่มาพักอยู่เรือนไทยลาดพร้าวเดือนเมษายนครั้งหลังนี้เองที่ท่านอาจารย์วันและท่านคุยกันเรื่องเกษียณ ไม่รับนิมนต์อีกต่อไป  ท่านปรารภกันว่า  ระยะนี้เหนื่อยเต็มที นิมนต์กันไม่มีเวลาหยุดพักเลย  บางทีฉันเช้าเสร็จก็จะมีคนนิมนต์ไปเหยียบบ้าน เหยียบโรงงาน เทศน์จากบ้านนี้ไปต่อบ้านโน้น โรงงานนั้น โรงพยาบาลนี้ ร้านค้านั้น  บางวันกว่าจะกลับถึงที่พักก็สี่ทุ่ม และยังมีแขกคอยรอกราบอีก

ผู้เขียนเคยเห็นท่านรับนิมนต์สวดมนต์เย็นจังหวัดหนึ่งแล้วไปต่อสวดมนต์พิธีฉลองโบสถ์อีกจังหวัดหนึ่ง  กว่าจะถึงบริเวณพิธีก็ตีหนึ่ง  เมื่อถึงแล้วท่านก็เริ่มสวดต่อไปจนสว่างเลย  ใครเห็นก็อดสงสารท่านไม่ได้  รับนิมนต์ทีหนึ่ง ๆ กลับวัดท่านจะแทบล้มพับกันไป  บางทีก็ไม่ได้สรงน้ำ

‘เมื่อไรเราจะเกษียณกันสักที’ ... ท่านอาจารย์วันปรารภขึ้นในวันนั้นที่ลาดพร้าว

‘เกษียณเป็นอย่างไร?’ ... ท่านอาจารย์จวนซัก

‘เกษียณก็แบบข้าราชการไงล่ะ  เขาทำงานมามาก พออายุครบ ๖๐ ราชการเขาให้พัก ไม่ต้องไปทำงานอีก เรียกว่าเกษียณ’ ... ท่านอาจารย์วันอธิบาย

ท่านอาจารย์จวนได้ฟังก็ร้องอ๋อ ... ‘งั้นเกษียณกันตอนหกสิบปีนี้แหละ’

หลังจากท่านมรณภาพแล้ว ระหว่างตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ ณ วัดพระศรีมหาธาตุ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ได้ซักผู้เขียนว่า ท่านอาจารย์เคยพูดว่าอย่างไรบ้าง  เมื่อเล่าถวายมาถึงเรื่องเกษียณ ท่านก็อุทานว่า ความจริงเกษียณนั้นแปลว่าหมดไป สิ้นไป”

 

ตามหาความจริงจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งใหญ่!! พระอาจารย์จวนรู้หรือไม่...ว่า "เที่ยวบินนั้นมีความตายรออยู่"? ถ้ารู้...ทำไมไม่ถอยหลัง?!!

คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต

คุณหญิงสุรีพันธุ์ได้อธิบายต่อไปว่า

“ตลอดเวลาตั้งแต่ข่าววันประสบอุบัติเหตุมาจนเดี๋ยวนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็ม ผู้เขียนได้รับคำถามซ้ำซากอยู่แต่ว่า ‘คุณว่าท่านรู้ไหม?’  ผู้ถามเป็นทั้งบรรพชิตและฆราวาส  ผู้เขียนไม่ทราบจะตอบว่าอย่างไรเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของท่าน  ผู้เขียนทำได้แต่เพียงพยายามเล่าเหตุการณ์เท่าที่ประสบพบเห็น ประมวลมาเท่านั้น”

คุณหญิงสุรีพันธุ์ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งก่อนมรณภาพไม่นานนักว่า  ท่านได้บอกทุกคนว่า ต่อไปใครถามหาเจ้าอาวาสภูทอกก็ให้บอกว่าท่านแยง ไม่ใช่อาตมา เพราะว่าท่านได้ยกท่านแยงให้เป็นเจ้าอาวาสแทนแล้ว

แม้กระทั่งเทปประวัติที่ท่านได้อัดเอาไว้เจ็ดม้วนสุดท้ายก่อนมรณภาพเพียงสองสามวัน ท่านก็สั่งให้ทางวัดเก็บไว้ให้คุณหญิงสุรีพันธุ์ทั้ง ๆ ที่ท่านกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อยู่แล้ว  ท่านได้บอกกับทางวัดว่าคุณหญิงจะมารับเทปชุดสุดท้ายนี้เอง  ถ้าท่านนำเทปชุดนี้มาด้วยก็คงเสียหายไปพร้อมกับชีวิตของท่านอย่างไม่ต้องสงสัย

คุณสุรีพันธ์ได้เล่าอีกว่า

“ศิษย์ผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งได้มีโอกาสกราบท่านก่อนเดินทางมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ เล่าว่าท่านอาจารย์ได้บอกว่า

‘นับแต่นี้ไปอีกสามวันจะมีคนเช็ดน้ำตาให้เราทั้งเมือง เหมือนที่เราเคยเช็ดน้ำตามาแล้วนับชาติไม่ถ้วน  แต่นี้ไปเราจะไม่ต้องเช็ดน้ำตาอีกแล้ว’ ”

ถึงตรงนี้แล้ว เราคิดอย่างไร?

พระอาจารย์จวนรู้หรือไม่ว่าเครื่องบินลำนั้นมีความตายรออยู่?  ถ้ารู้...ทำไมท่านไม่ถอยหลัง?!!

 

ตามหาความจริงจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งใหญ่!! พระอาจารย์จวนรู้หรือไม่...ว่า "เที่ยวบินนั้นมีความตายรออยู่"? ถ้ารู้...ทำไมไม่ถอยหลัง?!!

-----------------------------------------------------------------------------

 

ที่มา : เว็บไซต์ http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-juan/lp-juan-hist-10.htm

ณัฐวุฒิ แจ๊ดสูงเนิน / สำนักข่าวทีนิวส์ : รายงาน