- 15 ก.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
วันที่ ๑๕ กันยายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรีเดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) ชาวอิตาลีสัญชาติไทย เป็นประติมากรจากเมืองฟลอเรนซ์ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยถือเป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทยที่ได้สร้างคุณูปการในทางศิลปะและมีผลงานที่เป็นที่กล่าวขานจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งและอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ซึ่งภายหลังได้รับการยกฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยศาสตราจารย์ศิลป์ได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัย มีความรักใคร่ ห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูกศิษย์อยู่ตลอดจนเป็นที่รักและนับถือทั้งในหมู่ศิษย์และอาจารย์ด้วยกัน
ศาสตราจารย์ศิลป์ยังเป็นผู้วางรากฐานที่เข้มแข็งให้แก่วงการศิลปะไทยสมัยใหม่จากการที่ได้พร่ำสอนและผลักดันลูกศิษย์ให้ได้มีความรู้ความสามารถในวิชาศิลปะทั้งงานจิตรกรรมและงานช่าง มีจุดประสงค์ให้คนไทยมีความรู้ความเข้าใจในศิลปะและสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะได้ด้วยความสามารถของบุคลากรของตนเอง การก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงเปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ให้แก่คนไทยเพื่อที่จะออกไปสร้างศิลปะเพื่อแผ่นดินของตน และถึงแม้จะริเริ่มรากฐานของความรู้ด้านศิลปะตะวันตกในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันศาสตรจารย์ศิลป์ก็ได้ศึกษาศิลปะไทยอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากต้องการให้คนไทยรักษาความงามของศิลปะไทยเอาไว้ จึงได้เกิดการสร้างลูกศิษย์ที่มีความรู้ทั้งงานศิลปะตะวันตกและศิลปะไทยออกไปเป็นกำลังสำคัญให้แก่วงการศิลปะไทยเป็นจำนวนมาก และเกิดรูปแบบงานศิลปะไทยสมัยใหม่ในที่สุด
ผลงานของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี พระบรมราชานุสาวรีย์และอนุสาวรีย์สำคัญในประเทศไทย ได้แก่
พระบรมราชานุสาวรีย์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ประดิษฐานที่เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพมหานคร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๒ ศาสตรจารย์ศิลป์ได้ปั้นแบบและควบคุมการหล่อด้วยตัวเองที่ประเทศอิตาลี
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่จังหวัดนครราชสีมา สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็นอนุสาวรีย์ของวีรสตรีไทยที่มีความงดงามและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวโคราช คุณหญิงโม หรือ ย่าโม ในสมัยรัชกาลที่ ๓ บุคคลในประวัติศาสตร์ไทยในฐานะวีรสตรีผู้มีส่วนกอบกู้เมืองนครราชสีมา (โคราช) จากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๖๙
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ศาสตราจารย์ศิลป์ปั้นแบบประติมากรรมและควบคุมงานก่อนสร้างทั้งหมด ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ๒๕๐,๐๐๐ บาท พิธีเปิดอนุสาวรีย์จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓ โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในในพิธีเปิดอนุสาวรีย์เป็นข้อความตอนหนึ่งว่า
"อนุสาวรีย์นี้จะเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญก้าวหน้าทั้งมวล เป็นต้นว่า ถนนสายต่างๆ ที่จะออกจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวเมืองก็จะนับต้นทางจากอนุสาวรีย์นี้ ถนนราชดำเนินซึ่งเป็นแนวของอนุสาวรีย์ ก็กำลังสร้างอาคารให้สง่างามเป็นที่เชิดชูเกียรติของประเทศ และเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัย จะทำให้ถนนนี้เป็นที่เชิดชูยิ่ง"
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๔ มีขนาด ๓ เท่าขององค์จริง แรกเริ่มศาสตราจารย์ศิลป์ออกแบบให้ทรงถือพระมาลา ก่อนจะเปลี่ยนให้สวมพระมาลาในภายหลัง พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างด้วยพระราชทรัพย์พระราชทานจากพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี โดยพระราชทานพระอนุญาตให้หักเงินรายได้ของพระองค์ ๒ ใน ๓ จากรายได้ทั้งหมด และพระราชทรัพย์พระราชทานของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งพระราชทานสมทบอีกส่วนหนึ่ง โดยส่วนที่เหลือรัฐบาลเป็นผู้อนุมัติงบจัดสร้าง สร้างแล้วเสร็จเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๕ ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นอนุสาวรีย์ในกรุงเทพมหานคร โดยรอบเป็นวงเวียนอยู่กึ่งกลางระหว่างถนนพหลโยธิน ถนนราชวิถี และถนนพญาไท ตั้งอยู่ที่กิโลเมตรที่ ๕.๐ ถนนพหลโยธิน โดยที่ กม. ๐ ของถนนพหลโยธินอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยซึ่งอยู่ห่างจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นระยะทาง ๕ กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ ศาสตรจารย์ศิลป์ปั้นและควบคุมการหล่อประติมากรรมบุคคลทั้งห้าและควบคุมการสร้างอนุสาวรีย์
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ กรุงเทพมหานคร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ มีความโดดเด่นด้วยลักษณะประติมากรรมที่งดงาม มีเอกลักษณ์และสมจริงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะประติมากรรมม้าที่อยู่ในท่ายืนพร้อมวิ่งและถูกสัดส่วนกายวิภาค ซึ่งศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบ ทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิดและถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ และในวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ ต่อมาทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ ๒๘ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสวยราชย์ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ไทย เป็นวันถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
พระบรมราชานุสาสวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระคชาธารออกศึก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗
พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาเนื่องในเนื่องในวโรกาสมหามงคลกาลที่พระพุทธศักราชเวียนมาบรรจบครบรอบ ๒๕๐๐ ปี เป็นผลสำเร็จของการศึกษาศิลปะสุโขทัยอย่างลึกซึ้งของศาสตรจารย์ศิลป์ เกิดการสร้างพระพุทธรูปรูปแบบใหม่ที่ถือเป็นผสมผสานลัทธิสัจจนิยมของตะวันตกเข้ากับศิลปะไทยประเพณีแบบดั้งเดิม ถือเป็นการคงเอกลักษณ์เก่าไปพร้อมกับการสร้างสรรค์รูปแบบศิลปะสมัยใหม่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะไทยสมัยใหม่อย่างแท้จริง โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งในตอนแรกที่ออกแบบไว้นั้น พระพุทธรูปมีความสูงเพียง ๒.๑๔ เมตร แต่เพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสที่พระพุทธศาสนาอายุครบ ๒,๕๐๐ปี จึงได้มีการขยายขนาดเพื่อให้ได้เป็น ๒,๕๐๐ กระเบียด ดังนั้นพระศรีศากยะทศพลญาณฯ ในปัจจุบัน จึงมีความสูงถึง ๑๕.๘๗๕ เมตร ใหญ่กว่าขนาดต้นแบบ ๗.๕ เท่า
นอกจากนี้ตลอดชีวิตการทำงานของศาสตราจารย์ศิลป์ ท่านได้สร้างผลงานประติมากรรมไว้มากมาย โดยผลงานที่ยังมีอยู่มาจนถึงปัจจุบันก็อาทิเช่น
- สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (เฉพาะพระเศียร) - ทำจากสำริด ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่ทำให้ศาสตราจาย์ศิลป์เป็นที่รู้จัก
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (เฉพาะพระเศียร) - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมากหลังได้เห็นพระบรมรูปของพระองค์
- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครึ่งพระองค์) - ทำปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบันอยู่ที่กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ๒ องค์ - ทำปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบันอยู่ที่กองหัตถศิลป์
- พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า - เป็นประติมากรรมนูนต่ำด้วยปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลปแห่งชาติ
- สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ครึ่งพระองค์) - ทำจากปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบันอยู่ที่กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) วัดเทพศิรินทราวาส (ครึ่งองค์) - ปัจจุบันอยู่ในกรมศิลปากร
- พระญาณนายก (ปลื้ม จันโทภาโส มณีนาค) วัดอุดมธานี จังหวัดนครนายก - เป็นประติมากรรมนูนสูง ทำจากปูนพลาสเตอร์
- หลวงวิจิตรวาทการ (ครึ่งตัว) - ทำจากปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบันอยู่ที่กรมศิลปากร
- ม.ร.ว.สาทิศ กฤดากร (เฉพาะศีรษะ) - ทำจากบรอนซ์ เจ้าของคือม.จ.รัสสาทิศ กฤดากร
- นางมาลินี พีระศรี (เฉพาะศีรษะ) - ปัจจุบันตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ กรุงเทพมหานคร
- โรมาโน (ลูกชาย ภาพร่างไม่เสร็จ) - ปัจจุบันอยู่ที่กรมศิลปากร
- นางมีเซียม ยิบอินซอย (รูปเหมือนครึ่งตัว) - ทำจากบรอนซ์ ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลปแห่งชาติ
- พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (เฉพาะพระเศียร)
- พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช - ครึ่งพระองค์ ปั้นไม่เสร็จ เพราะศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน
(อนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ)
ด้วยคุณูปการนี้ศาสตราจารย์ศิลป์จึงได้รับการยกย่องให้เป็นปูชนียบุคคลของมหาวิทยาลัยศิลปากรและของประเทศไทย โดยเฉพาะในงานประติมากรรมที่ได้มีผลงานที่โดดเด่นมากมายที่สร้างไว้แก่ประเทศไทย ได้แก่ พระพุทธรูปประธานที่พุทธมณฑล, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และรวมไปถึง พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่วงเวียนใหญ่, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และพระบรมราชานุสาวรีย์ของกษัตริย์ไทยอีกหลายพระองค์ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ศาสตรจารย์ศิลป์จงได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทยและเป็นบิดาแห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยในวันที่ ๑๕ กันยายน ของทุกปีจะถือเป็น "วันศิลป์ พีระศรี"
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ศิลป์_พีระศรี
คลิปจาก : เพจ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งวงการศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย






