ผีหลอกให้ภาวนา!! "หลวงปู่ตื้อ" สู้รบกับ "เปรตเจ้าที่" แม้กำหนดจิตไล่ก็ไม่ยอมไป เหลือเชื่อ..แค่ภาวนา "พุทโธ" ผีกลับยอมแพ้ หนีหายไปทันที !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ผีหลอกให้ภาวนา!! "หลวงปู่ตื้อ" สู้รบกับ "เปรตเจ้าที่" แม้กำหนดจิตไล่ก็ไม่ยอมไป เหลือเชื่อ..แค่ภาวนา "พุทโธ" ผีกลับยอมแพ้ หนีหายไปทันที !!

             ในบรรดาศิษย์สายกรรมฐานส่วนใหญ่มักจะคุ้นชื่อและได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นอย่างดี ท่านมีปฏิปทาที่แปลก น้ำใจเด็ดเดี่ยว โผงผาง ตรงไปตรงมา มีแง่มุมต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์มักจะกล่าวถึงเสมอๆ และเล่าถ่ายทอดต่อกันมา ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่น่าสนใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง จัดได้ว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม  เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่ง ในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หลวงปู่ตื้อ เป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่นไปหลายปี ในแถบป่าเข้าทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และมักพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า

"ใครอย่าไปดูถูกท่านตื้อนะ ท่านตื้อเป็นพระเถระ"

            บรรดาศิษย์รุ่นหลังจะรู้จักหลวงปู่ตื้อดี เพราะท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อ กับ หลวงปู่แหวน มักจะเดินธุดงค์ไปด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่อุปนิสัยของหลวงปู่ทั้งสององค์นี้ผิดกันไกล แต่ท่านก็ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน และหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านสนิทสนมกันมากที่สุด นี่ว่าตามคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ ท่านว่าไว้อย่างนั้น

ผีหลอกให้ภาวนา!! "หลวงปู่ตื้อ" สู้รบกับ "เปรตเจ้าที่" แม้กำหนดจิตไล่ก็ไม่ยอมไป เหลือเชื่อ..แค่ภาวนา "พุทโธ" ผีกลับยอมแพ้ หนีหายไปทันที !!

            ครั้งหนึ่ง "หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม" ได้เข้าไปเดินจงกรมในป่าแห่งหนึ่งที่พระพุทธบาทบัวบก จังหวัดอุดรธานี  ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเป็นคนร่างสูงใหญ่ ประมาณ ๑๐ วา มายืนกางขาที่ปลายทางจงกรม คล้ายกับจะคร่อมทางเดินไว้ แสดงท่าทางว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในถิ่นนั้น หลวงปู่ตื้อก็เดินจงกรมตามปกติ แสดงท่าว่าไม่สนใจมัน แต่ก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าอยู่บ้างเล็กน้อย  จากนั้นก็ปรากฏว่าเริ่มมีกลิ่นสาบสางเหม็นขึ้นมาและก็เหม็นมากขึ้นทุกที จนท่านรู้สึกว่าจะทนไม่ไหว เพราะไม่สามารถดับเวทนาตัวนี้ได้

            หลวงปู่ตื้อจึงได้กำหนดจิตแผ่เมตตาให้มันไป แต่ก็ไม่เป็นผล  แม้จะออกปากไล่ให้มันหนีไป มันก็ยังทำเฉย แถมยังคงปล่อยกลิ่นสาบสางนั้นเช่นเดิม หลวงปู่ตื้อพยายามเดินจงกรมไปมาและกำหนดจิตไล่มันอยู่นานพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ผล  ท่านจึงยึด "พุทโธ" อยู่ในอารมณ์ตลอดเวลา  ตอนนี้จิตใจของท่านไม่หวั่นไหวหรือเกรงกลัวมันแล้ว ในที่สุด หลวงปู่ตื้อก็หยุดเดินแล้วพูดขึ้นว่า

"มึงรออยู่ตรงนี้ก่อน... เดี๋ยวจะได้ลองดีกัน"

 

ผีหลอกให้ภาวนา!! "หลวงปู่ตื้อ" สู้รบกับ "เปรตเจ้าที่" แม้กำหนดจิตไล่ก็ไม่ยอมไป เหลือเชื่อ..แค่ภาวนา "พุทโธ" ผีกลับยอมแพ้ หนีหายไปทันที !!

          หลวงปู่ตื้อเดินขึ้นไปบนเพิงที่พัก จุดเทียนไข เอาไปติดที่ปลายไม้เท้า แล้วเดินกลับมาที่ทางเดินจงกรม พูดเสียงดังออกไปว่า

"ให้มึงหนีไปเด้อ ... ถ้าไม่หนีจะเอาไฟจุดดาก (ก้น) มึงเดี๋ยวนี้ล่ะ"

         แต่ผีเปรตตนนั้นก็ยังยืนนิ่งเฉยและส่งเสียงหัวเราะเยาะใส่ ... หลวงปู่ตื้อจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วก็พุ่งเทียนเข้าใส่มัน ปรากฏว่าได้ผล ผีเปรตตนนั้นกระโจนหายไป แล้วก็ไปปรากฏตัวที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไป  แต่กลิ่นเหม็นสาบกลับรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมจนหลวงปู่ตื้อไม่สามารถข่มใจเดินจงกรมต่อไปได้ หลวงปู่ตื้อใช้ไฟเทียนไล่มันต่อไปอีก มันจึงหนีไป  เมื่อดูท่าว่ามันจะหายไปแล้ว ท่านจึงกลับมาเข้าทางเดินจงกรมต่อไป  จนได้เวลาพอสมควร ท่านจึงหยุดพักการเดินจงกรมแล้วนั่งสมาธิภาวนาต่อไป

            เมื่อหลวงปู่ตื้อหลับตานั่งสมาธิไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ท่านก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมาเป่าลมเข้าไปในหูข้างขวา ท่านรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย  แล้วมันก็กลับมาเป่าทางหูซ้าย  ท่านพยายามข่มใจนั่งสมาธิต่อไป แผ่เมตตาไปให้ แต่ก็ไม่เป็นผล มันยังคงรบกวนอยู่นั่นเอง หลวงปู่ตื้อจึงลืมตาขึ้น เอ่ยปากขับไล่มัน  มันก็หัวเราะชอบใจ แล้วก็หนีไป หลวงปู่ตื้อนั่งสมาธิต่อไป แต่ไม่นานมันก็กลับมาอีก แกล้งเป่าลมเข้าหูท่านเหมือนเดิม พอเอ่ยปากไล่ มันก็หนีไป แล้วไม่นานมันก็กลับมาล้อเล่นเช่นนั้นอีก หลวงปู่ตื้อคิดอุบายที่จะขับไล่ โดยจะเอาน้ำมาสาดมัน  ท่านจึงลุกไปหยิบขันเพื่อจะตักน้ำ  ปรากฏว่าไม่มีขันในที่ที่ท่านวางไว้  คิดว่าผีมันคงเอาไปซ่อน ซึ่งมันก็หัวเราะเยาะแบบรู้ทัน

 

ผีหลอกให้ภาวนา!! "หลวงปู่ตื้อ" สู้รบกับ "เปรตเจ้าที่" แม้กำหนดจิตไล่ก็ไม่ยอมไป เหลือเชื่อ..แค่ภาวนา "พุทโธ" ผีกลับยอมแพ้ หนีหายไปทันที !!

           หลวงปู่ตื้อคิดจะเอาไม้ขีดมาเผาหัวมัน แต่ก็คว้าหากลักไม้ขีดไม่เจอ เพราะมันเอาไปซ่อนอีก ดูเหมือนว่า มันจะเล่นตลกกับท่าน ท่านคิดจะทำอะไรก็รู้สึกว่ามันจะรู้ทันไปหมด เจ้าผีเปรตยิ่งหัวเราะได้ใจใหญ่ หลวงปู่ตื้อหมดหนทางจะจัดการกับผีเปรตตนนั้น ท่านจึงดึงมุ้งกลดลงกาง แล้วนั่งภาวนาในมุ้งกลดโดยไม่ยอมนอนเลยตลอดคืน ท่านทำสมาธิไปจนถึงเช้าของวันใหม่ ท้ายที่สุด เจ้าผีเปรตตนนั้นจึงหนีขึ้นไปบนเขา แล้วส่งเสียงร้องบอกท่านว่า

"เรายอมแพ้ท่านแล้ว"

 

ผีหลอกให้ภาวนา!! "หลวงปู่ตื้อ" สู้รบกับ "เปรตเจ้าที่" แม้กำหนดจิตไล่ก็ไม่ยอมไป เหลือเชื่อ..แค่ภาวนา "พุทโธ" ผีกลับยอมแพ้ หนีหายไปทันที !!

             ตอนเช้า หลวงปู่ตื้อจึงเดินทางไปพบหลวงปู่มั่น  พอเข้าไปถึง หลวงปู่มั่นก็กล่าวทักว่า "ท่านตื้อ...เมื่อคืนนี้คุณทำอะไรอยู่?"

หลวงปู่ตื้อกราบเรียนว่า

"กระผมรบกับผีขอรับกระผมทำอย่างไร เจ้าผีตนนั้นก็ไม่หนี จนได้อรุณสว่างขึ้น เจ้าผีตนนั้นจึงขึ้นเขาไป"

หลวงปู่มั่นพูดขึ้นว่า

"ดีแล้วท่านตื้อ ผีมันปลุกเราให้ภาวนา"

หลวงปู่ตื้อได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้ลูกศิษย์ฟังในภายหลังว่า

"ผีตนนั้นเป็นผีเจ้าที่ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เราชนะมันได้จึงไปรอด แต่ถ้าเราเอาชนะมันไม่ได้ก็คงจะลำบาก

             ในเหตุการณ์เช่นนั้นต้องอาศัยความอดทนอดกลั้นเป็นที่สุด จะท้อถอยไม่ได้เลย  หายใจเข้าออกก็ต้องมีพุทโธเป็นประจำ ขาดไม่ได้  "คำว่า "พุทโธ" นี้เอง ผีกลัวเกรงมากที่สุด"

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ “หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน”