ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

มันจะฆ่าฉัน!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เล่าเรื่อง "หลวงพ่อปาน" โดนคนทำคุณไสยใส่ หวังจะฆ่าให้ตาย แต่สุดท้ายกลับย้อนเข้าตัวเอง เอาชีวิตแทบไม่รอด !!

            เมืองไทยของเราเป็นเมืองพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนและมีศรัทธาในอริยสงฆ์หลายๆท่านซึ่งในจังหวัดอยุธยาก็มีพระที่มีชื่อเสียงและสร้างคุณงามความดี พัฒนาพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาในปัจจุบันนี้ เมื่อหลายสิบปีก่อน "หลวงพ่อปาน" ท่านก็มีชื่อเสียงโด่งดังในจังหวัดอยุธยาและทั่วภาคกลางท่านจะเก่งด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บวิปัสสนากรรมฐานจนถึงอภิญญาสมาบัติมีปาฏิหาริย์เหนือโลก ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนหลวงพ่อปาน โสนันโท แห่งวัดบางนมโคอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศิษย์เอกหลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในทางรักษาคนเจ็บคนไข้ ผีเข้า ผีห่อาละวาด ท่านก็ปราบได้ป้องกันได้ตามวิธีของท่าน

มันจะฆ่าฉัน!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เล่าเรื่อง "หลวงพ่อปาน" โดนคนทำคุณไสยใส่ หวังจะฆ่าให้ตาย แต่สุดท้ายกลับย้อนเข้าตัวเอง เอาชีวิตแทบไม่รอด !!

           สำหรับเรื่องของฤทธิ์อภิญญาหลวงพ่อปานนั้น เรื่องนี้เล่าโดย "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อปาน ได้เล่าว่า

           วันหนึ่งเวลาเย็น มีลาวคนหนึ่งเดินมาทางหลังวัด เข้ามาอาศัยนอนอยู่ในป่าช้า คือมันมีกระท่อมเล็กๆ อยู่หลังหนึ่งที่คนตายชื่อว่า ตาสุด เวลาตายแล้วเขาปลูกกระท่อมหลังนั้น เป็นที่เก็บศพ แต่ว่าขณะนั้นศพเผาไปแล้ว แต่ว่ากระท่อมเขาไม่ได้รื้อ เป็นที่อาศัยของพระเจริญสมณธรรม พระที่เจริญกรรมฐานไปอยู่ที่นั่น เวลากลางวันกลางคืนตามแต่อัธยาศัย ลาวก็มา นอนอยู่ในที่นั้น จ้างเด็กตักนํ้าไปให้ ถังละ ๑ สตางค์ เมื่อลาวมาพักอยู่ในตอนเย็นเมื่อถึงเวลาตีสอง หลวงพ่อปานลุกขึ้นเรียกฉัน ฉันนอนอยู่ใกล้ๆ บอกให้ไปตามพระมาให้หมด ถึงตีสองแล้ว ฉันก็ไปตามพระมา ไม่รู้ท่านประสงค์อะไรก็บอกว่า เมื่อพระมาครบถ้วนแล้ว 

ท่านก็บอกว่า "ดูอะไรนี่"

ฉันมองเห็นตะขาบตัวเท่าแขนฉัน ขดกลมอยู่หน้าเตียงของท่าน ก็ถามว่าอะไรครับหลวงพ่อ

ท่านบอกนี่แหละ "คุณคน" 

ถามว่า "ตะขาบเป็นคุณคนได้หรือครับ ตะขาบทำไมตัวโต"

ท่านบอกว่า "เป็นตะขาบวิชา ไอ้ลาวคนนั้นมันทำฉัน มันจะฆ่าฉัน"

 พอท่านบอกเท่านั้น พระหนุ่มๆ ก็ทำท่าฮึดฮัด จะไปเล่นงานลาว ท่านบอกว่า "ไม่ต้อง กรรมของเขาให้เขารับไป อย่าไปทำเขา ถ้าทำแล้วมันบาป"

ท่านบอกว่า "ตะขาบตัวนี้เขาเสกมาให้กัดฉัน ถ้ามันกัดฉันได้ละก็ฉันตาย แก้ไม่ทันหรอกมั้ง พวกแกนี่แก้ไม่ได้ ไม่มีใครมีความรู้ แก้ก็ไม่ทัน แต่ว่าบังเอิญฉันตื่นขึ้นมาก่อน เห็น ตะขาบมันวิ่งมาด้วยความไว ฉันก็เลยใช้หวายขีดเส้นสะกัด มันก็หยุดอยู่แค่เส้นที่ฉันขีด แล้วฉันก็เอาหวาย วนๆ มันก็ขดไปตามหวายที่ฉันวง"

ท่านบอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ของๆ ใครก็ให้เขานะ เราไม่รับ เราไม่ได้ทำมานี่ แต่เมื่อเขาทำมาเราก็คืนให้เขา มันจะเป็นอะไรก็เป็นเรื่องของเขา เราไม่ได้ตั้งใจให้เขาตาย"

 

มันจะฆ่าฉัน!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เล่าเรื่อง "หลวงพ่อปาน" โดนคนทำคุณไสยใส่ หวังจะฆ่าให้ตาย แต่สุดท้ายกลับย้อนเข้าตัวเอง เอาชีวิตแทบไม่รอด !!

            จากนั้นท่านก็เอาหวายขีดวงย้อนกลับ คือคลายตัว ตะขาบก็คลายไปตามเส้นที่ท่านขีด เมื่อตะขาบตั้งตัวตรง คือคลายเป็นตัวตรงแล้ว ท่านก็เอาหวายเคาะกระดานข้างหลัง ตรงๆ แต่ห่างๆ ตะขาบ ๓ ครั้ง ตะขาบก็หายปั๊บไปทันตา ในพริบตาเดียว ไม่รู้ว่าตะขาบไปอย่างไร ทั้งๆ กุฏิก็มีข้างฝา ปิดหน้าต่างประตูหมด แต่ตะขาบหายออกไปอย่างไร ไม่มีใครรู้ เมื่อตะขาบหายไปแล้ว

ท่านก็สั่งว่า "รีบไป"

ถามว่า "รีบไปไหนครับ"
ท่านบอกว่า

"พวกเธอรีบไปที่ลาวนั่น หามมันมาหาฉัน ประเดี๋ยวมันจะตายเสีย มันจะแก้ไม่ทัน ของๆ มันเล่นงานมันเสียแล้ว"

         พระทั้งวัดก็เฮโลไปที่ลาว ที่ไหนได้เจ้าลาวคนนั้น นอนร้องครวญครางฮือฮา บวมทั้งตัว พวกเราก็รีบหามมาหาท่าน ท่านก็ปล่อยให้ยังบวมอยู่อย่างนั้น ยังปวดอยู่อย่างนั้น แล้วท่านก็สอบสวนว่า

"ตะขาบเธอทำมาใช่ไหม" ทีแรกเขาไม่รับ

ท่านบอก "ถ้าไม่รับก็ตายเสียเถอะ เป็นของของเธอ ไม่ใช่ของของฉัน"

ไอ้เจ้าลาวคนนั้นทนไม่ไหวก็บอกรับว่า "ทำ"

ถามว่า "ทำทำไม"

ลาวก็บอก "จะฆ่าท่าน" 

ถามว่า "จะฆ่าฉันทำไม"

บอก "จะฆ่าให้ตาย เพราะว่าทำมาทีไรก็แก้ได้ทุกที"

ผลที่สุดท่านก็บอกว่า "ถ้าหากเธอไม่ฆ่าฉัน ฉันจะไม่ตายเหรอ ฉันก็ต้องตายเหมือนกัน เธอจะฆ่าฉันให้มันบาปทำไม"

ในที่สุดลาวก็ขอให้ท่านแก้ ให้ท่านรักษาให้หาย ท่านก็บอกรักษาให้หายได้ แต่เธอต้องให้สัญญาก่อนว่า

"หายแล้ว เธอจะบวช และเมื่อบวชแล้ว เธอจะละวิชาความรู้นี้ทั้งหมด ไม่ทำต่อไป ถ้าเธอให้สัญญากับฉัน ฉันจะรักษา ถ้าเธอไม่ให้สัญญากับฉัน ฉันจะไม่รักษา.

             เจ้าลาวคนนั้นดื้อแพ่งอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุด ก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ก็ยอมรับ เมื่อยอมรับท่านก็นำนํ้ามาขันหนึ่งมาทำเป็นนํ้ามนต์ เอามาพรมๆ แล้วให้ลาวคนนั้นดื่ม พอดื่มเข้าไปประเดี๋ยวเขาก็หาย ชักจะหายปวด บรรเทาปวดลงไป แล้วก็บอกว่า "ชักจะปวดอุจจาระ"

ท่านก็บอกว่า "ให้ไปถ่ายอุจจาระที่กลางนอกชาน ให้ถ่ายร่องให้มันค้างดินอยู่" เราก็ไม่เข้าใจถามว่า "หลวงพ่อทำไมทำอย่างนั้นละครับ มันสกปรก"

ท่านบอก "ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวเธอจะเห็นของดี"

ไอ้ของที่ออกมาไม่ใช่อุจจาระ เป็นไอ้ตะขาบตัวเมื่อกี้ !!!

มันจะฆ่าฉัน!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เล่าเรื่อง "หลวงพ่อปาน" โดนคนทำคุณไสยใส่ หวังจะฆ่าให้ตาย แต่สุดท้ายกลับย้อนเข้าตัวเอง เอาชีวิตแทบไม่รอด !!

         ผลที่สุดก็เป็นความจริง เมื่อเขาถ่ายอุจจาระมาแล้ว ท่านก็บอกว่า ให้เอาไฟไปส่องดู ก็ปรากฏว่าเป็นโซ่เส้นเล็กๆ ผูกลวดหนามไว้เต็ม เอาลวดหนามพันเข้าไว้ นี่ตะขาบเขาทำด้วยโซ่พันไปด้วยลวดหนาม ในเมื่อเข้าไปในตัวแล้วมันก็บาดลำไส้ พุง อวัยวะต่างๆ ท่านบอกว่า ของอย่างนี้เมื่อเข้าไปอยู่ในตัวแล้ว มันจะทำอันตรายเต็มที่ เพราะเขาทำเต็มที่ ถ้ามันขยายตัวเต็มที่เมื่อไหร่ อวัยวะภายในก็จะขาด เพราะมันทนต่อความถ่วงของเหล็ก หรือว่าทนต่อลวดหนามไม่ไหว ก็เป็นอันว่าลาวคนนั้นก็ยอมรับ ก็บวช เมื่อหายดีเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ไปนิมนต์ พระครูรัตนาภิรมย์ มาเป็นอุปัชฌาย์ บวชให้ และลาวคนนั้น ก็เลิกจากการปฏิบัติอย่างนั้น

         เพราะอาศัยที่เขาฝึกอย่างนั้นมีสมาธิสูงอยู่แล้ว เมื่อเวลาเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา หลวงพ่อปานก็สอนให้เจริญพระกรรมฐาน รู้สึกว่าเขาทำได้ดีมาก ทำได้รวดเร็วมาก จนกระทั่งได้อภิญญา พรรษาเดียวนะเขาได้อภิญญา ๕ แต่ยังเป็นฌานโลกีย์ ทำอะไรต่ออะไรได้หมดทุกอย่าง เมื่อเขาทำได้แล้ว ฉันเองก็เข้าไปถามเขาว่า

"เสียดายความรู้เดิมไหม"
       

มันจะฆ่าฉัน!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เล่าเรื่อง "หลวงพ่อปาน" โดนคนทำคุณไสยใส่ หวังจะฆ่าให้ตาย แต่สุดท้ายกลับย้อนเข้าตัวเอง เอาชีวิตแทบไม่รอด !!

         เขาบอก ไม่เสียดาย แต่ว่าเสียดายเวลา เวลาที่ไปฝึกฝนความรู้เดิม ที่มันเป็นทางของบาป และ อกุศล ทำตนให้ตกไปในอบายภูมิ ถ้ารู้ว่าวิชาอย่างนี้มีเขาศึกษาเสียนานแล้ว แล้วเขาก็ได้อภิญญานานแล้ว เมื่อออกพรรษา เขาก็ขอลากลับ เพราะบ้านเขาอยู่จังหวัดอุบลราชธานี เขาบอกว่าเขาจะไปสอนลูกศิษย์ลูกหาเขาปฏิบัติตามนี้บ้าง และก็เพื่อนของเขาอีกหลายคน ที่ยังใช้วิชาความรู้เดิม รับจ้างทำคนให้ตาย รับจ้างทำคนให้ป่วยไข้ไม่สบาย เขาจะไปโปรดพวกนั้น ให้เลิกละจากกรรมประเภทนั้น ให้กลับมาประพฤติปฏิบัติในสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ก่อนที่เขาจะไป หลวงพ่อปานได้เรียกมาฝึกวิปัสสนาญาณ ๓ เดือน เมื่อท่านพอใจแล้วท่านก็ส่งไป ก็ปรากฏว่าพระองค์นั้นเป็นพระอภิญญา และมีวิปัสสนาญาณพอสมควร เมื่อไปจังหวัด อุบลราชธานี ก็ได้ไปสอนลูกศิษย์ลูกหาให้ได้อภิญญาสมาบัติกันมากมาย

          เมื่อถึงเวลาที่ หลวงพ่อปานไหว้ครู วันเสาร์ ๕ เดือนไหนก็ตามถ้าข้างขึ้น ๕ คํ่า ตรงกับวันเสาร์ หรือวันเสาร์ ๕ หลวงพ่อปาน ท่านต้องไหว้ครูท่าน เขาก็พาลูกศิษย์ลูกหาของเขา สมัยนั้น ไอ้รถเรือมันก็ไม่ค่อยจะมี ต้องเดินกันมา ในระยะทางไกล จนกว่าจะถึงทางรถไฟรถยนต์ รถยนต์ก็หายาก ก็มีรถไฟเป็นส่วนมาก ต้องใช้เวลาตั้งเดือน ถึงจะมาถึงสำนักของอาจารย์ได้ เขาก็อุตส่าห์มากัน มากันในวันไหว้ครู รู้สึกมากันคราวละมาก ๆ ลูกศิษย์ของเขามีกี่คน เขาต้องพามาจนหมด เรียกว่าทุกคนต้องเก็บหอมรอมริบไว้ เพื่อวันเสาร์ ๕ เมื่อถึงวันเสาร์ ๕ ก็ต้องไหว้ครู ตามที่ครูบาอาจารย์กำหนดไว้ นี่รู้สึกว่าเคร่งครัดมาก เป็นอันว่า วิชาหมอของท่าน ที่ท่านเรียนมานี่ เป็นประโยชน์มาก นอกจากจะรักษาคนไข้ให้หายแล้ว ยังได้ลูกศิษย์ลูกหาที่ดีๆ สำเร็จอภิญญาสมาบัติก็มาก และเป็นนายช่าง เป็นอะไรต่ออะไรก็มี

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม