- 27 ต.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
เมื่อวานนี้ (๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐) ผ่านไปแล้วสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ (จริง) ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ นับว่าเป็นห้วงเวลาแห่งความอาลัย พสกนิกรร่ำไห้ทั่วทั้งแผ่นดิน มีพสกนิกรจำนวนมากรอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ สมพระเกียรติพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ขณะอัญเชิญพระบรมโกศ ออกจาก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ลงมาเข้าสู่ ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ทหารปืนใหญ่ ยิงสลุตหลวง นัดแรก กึกก้องไปทั่วภายในพระราชพิธีฯ
ทั้งนี้จาก Facebook Wassana Nanuam ได้โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับการยิงสลุตหลวงนัดแรก ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ มีข้อความว่า
เสียงกัมปนาทกึกก้อง อันแสนเศร้า สะท้านสะเทือนหัวใจไทย ๓๖๘ นัด บันทึก ...ทหารปืนใหญ่ ยิงสลุตหลวง ถวายพระเกียรติ "ร.๙" ในพระราชพิธีหยุดโลก จำนวน ๓๖๘ นัด เสียงปืนใหญ่ ยิงสลุตหลวง ตั้งแต่นัดแรก ตอนเริ่มอัญเชิญพระบรมโกศจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ดูจะสะเทือนก้องกึก เข้าไปใน อก จนรู้สึก ว้าเหว่ ใจหาย เสียงนี้ แทงแปลบเข้าหัวใจคนไทย ตลอดทุกนาทีตลอดพระราชพิธีฯ
บันทึกประวัติศาสตร์ ปืนใหญ่ ยิงสลุตหลวงถวายพระเกียรติ พระราชพิธีพระบรมศพ"ในหลวง รัชกาลที่ ๙" ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๓๖๘ นัด กรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์ (ป.๑รอ) โดย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์ (ป.พัน๑รอ.) ที่แต่งชุดทหารรักษาพระองค์สีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำเหล่าทหารปืนใหญ่ ได้ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ในการยิงสลุตหลวง ถวายพระเกียรติ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ตั้งแต่พระราชพิธี ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จนถึง พระราชพิธีอัญเชิญพระบรมศพ และริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปจนถึง อัญเชิญ พระบรมโกศ ขึ่นสู่พระเมรุมาศ ทุกนาที เป็นจำนวน ๓๔๗ นัด และทำการยิงสลุตหลวงถวายพระเกียรติ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงหน้าพระเมรุมาศ อีก ๒๑ นัด
รวมใช้ปืนใหญ่ Bofors จำนวน ๔ กระบอก ยิงสลุตหลวง ในครั้งนี้ รวม ๓๖๘ นัด เสียงปืนใหญ่ ยิงสลุตหลวง ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่สะเทือนหัวใจ แต่ กระชากน้ำตา พสกนิกรชาวไทย ให้ไหลริน พรัอมกับ เป็นการประกาศ พระเกียรติเกริกไกร ของ ในหลวง ร.๙ ให้ได้ยินขจรขจายไปทั่วประเทศ และทั่วโลก กับเสียงกัมปนาทกึกก้อง แห่งพระบารมี
ทั้งนี้การยิงสลุตนี้ เท่าที่ปรากฏตามหลักฐาน ประเทศไทยมีการยิงสลุตครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีในบันทึกของจดหมายเหตุฝรั่งเศสกล่าวถึงเรือรบฝรั่งเศสชื่อ เลอโวตูร์ ที่ได้เดินทางเข้ามาถึงป้อมวิชเยนทร์ (ป้อมวิชัยประสิทธิ์ในปัจจุบัน) ที่เมืองบางกอก มองซิเออร์คอนูแอล กัปตันเรือได้มีใบบอกเข้าไปถามทางราชสำนักอยุธยาว่าจะขอยิงสลุตให้เป็นเกียรติแก่ชาติสยาม ทางราชสำนักจะขัดข้องไหม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงรับสั่งให้ออกพระศักดิ์สงคราม (มองซิเออร์คอม เดอร์ ฟอร์แบงก์ นายทหารชาวฝรั่งเศส) ผู้รักษาป้อมในขณะนั้น อนุญาตให้ฝรั่งเศสยิงสลุตได้ ต่อมาเมื่อสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์แล้ว พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่คือสมเด็จพระเพทราชา ทรงไม่โปรดปรานฝรั่งเศส จึงทำให้ธรรมเนียมการยิงสลุตได้ถูกยกเลิกไป แต่ถึงที่สุดแล้ว ธรรมเนียมการยิงสลุตนี้ ก็ได้เริ่มกลับมารื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ คราวที่ต้อนรับ เซอร์ จอห์น เบาว์ริง ราชทูตอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘
กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์ นั้นได้จัด ๑ กองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ในขั้นตอนถวายพระพร โดยใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ ๘๐ ขนาด ๗๕ มิลลิเมตร จำนวน ๔ กระบอก ซึ่งปรับปรุงดัดแปลงมาจากปืนใหญ่ที่ผลิตจากบริษัทโบฟอร์ด ราชอาณาจักรสวีเดน ที่เข้าประจำการเป็นปืนใหญ่ของกองพล เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ โดยทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมีจำนวน ๒๑ นัด สมัยก่อนการยิงสลุตในประเทศไทยยังไม่มีข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์อย่างไร เพิ่งจะมีข้อบังคับในการยิงสลุตเมื่อปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๘ เรียกว่า "ข้อบังคับว่าด้วยการยิงสลุต ร.ศ.๑๒๕" แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ การยิงสลุตหลวง และการยิงสลุตเป็นเกียรติแก่ข้าราชการ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชกำหนดการยิงสลุตขึ้นใหม่ คือ การยิงสลุต ร.ศ.๑๓๑ (พ.ศ. ๒๔๕๕) กำหนดให้มีจำนวนปืนไม่ต่ำกว่า ๔ กระบอก ซึ่งมีขนาดลำกล้องไม่เกิน ๑๒๐ มิลลิเมตร ห้ามยิงตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกไปแล้วจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น แบ่งประเภทการยิงสลุตไว้ ๓ ประเภท คือ
สลุตหลวง แบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ สลุตหลวงธรรมดา มีจำนวน ๒๑ นัด และสลุตหลวงพิเศษ มีจำนวน ๑๐๑ นัด (ต่อมาในรัชกาลที่ ๗ เพื่อเป็นการประหยัดดินปืน จึงไม่ทรงให้ยิงสลุตหลวงพิเศษ)
สลุตข้าราชการ
สลุตนานาชาติ
พระราชกำหนดยิงสลุต ร.ศ.๑๓๑ (พ.ศ.๒๔๕๕) ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ ดังนั้นประเพณียิงสลุตจึงได้อวสานลงเพียงแค่นั้น แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้ยุติลง ทางราชการจึงรื้อฟื้นประเพณียิงสลุตขึ้นมาใหม่ ซึ่งเริ่มยิงสลุตครั้งแรกในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เนื่องในพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลปัจจุบัน ดังนั้นประเพณีการยิงสลุตจึงสืบทอดจากนั้นมาจนทุกวันนี้ โดยกำหนดข้อบังคับไว้โดยสรุปดังนี้ กองทหารซึ่งมีหน้าที่ยิงสลุต เฉพาะเมื่อรับงานหนึ่งๆ การยิงสลุต ให้ใช้ปืนไม่ต่ำกว่า ๒ กระบอก โดยปกติห้ามมิให้มีการยิงสลุตในระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์อัสดงคตไปจนถึงเวลาธงขึ้น คือ ๘ นาฬิกา เว้นแต่เป็นการพิเศษที่มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมเฉพาะคราว
คำว่า "สลุตหลวง" นั้น หมายความว่า การยิงสลุตมีจำนวน ๒๑ นัด
คำว่า "สลุตหลวงพิเศษ" นั้น หมายความว่า การยิงสลุตมีจำนวน ๑๐๑ นัด และให้กระทำได้ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหม
ขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook Wassana Nanuam ข้อมูล: กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1รักษาพระองค์ (ป.1 รอ.)
https://th.wikipedia.org/wiki/การยิงสลุต
ขอบคุณภาพจาก : เพจ ทหาร โหด มัน ฮา Cr. เกรียงไกร สุดาชม






