- 07 ต.ค. 2568
ผัก ผลไม้ ไม่ควรปั่นด้วยกัน มาก การจัดคู่ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ หรือปวดศีรษะได้ นี่คือคู่ของผักและผลไม้ที่คุณควรหลีกเลี่ยงการปั่นรวมกันอย่างเด็ดขาด
น้ำผักผลไม้ปั่น หรือ สมูทตี้ เป็นเมนูยอดฮิตสำหรับคนรักสุขภาพ แต่ทราบหรือไม่ว่าการนำผักและผลไม้ทุกชนิดมาปั่นรวมกัน อาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น หรือที่แย่กว่านั้นคือทำให้ สารอาหารสำคัญถูกทำลาย ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะธรรมชาติของผักและผลไม้แต่ละชนิดมีเอนไซม์และคุณสมบัติในการย่อยที่แตกต่างกันมาก การจัดคู่ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ หรือปวดศีรษะได้ นี่คือคู่ของผักและผลไม้ที่คุณควรหลีกเลี่ยงการปั่นรวมกันอย่างเด็ดขาด
ผัก ผลไม้ คู่ไหน ไม่ควรปั่นด้วยกัน ถ้าไม่อยากท้องอืด ต้องรู้
3 คู่ผักผลไม้ที่ไม่ควรปั่นรวมกัน (ตามหลักการย่อยอาหาร)
1. ผลไม้ตระกูลแตง VS ผลไม้อื่น ๆ
ไม่ควรปั่น: แตงโม, แคนตาลูป, แตงไทย, แตงกวา VS ผลไม้ทุกชนิด
เหตุผล:
- ผลไม้ตระกูลแตงมีปริมาณน้ำสูงมากและมีโครงสร้างที่ ย่อยได้เร็วที่สุด เมื่อเทียบกับผลไม้ส่วนใหญ่ในกระเพาะอาหาร หากปั่นรวมกับผลไม้ที่ย่อยช้ากว่า (เช่น กล้วย หรือแอปเปิล) ผลไม้ตระกูลแตงจะถูกกักอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้นานเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิด แก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด และไม่สบายท้อง ได้
ทางแก้: ควรปั่นหรือทานผลไม้ตระกูลแตง แยกต่างหาก
2. ผลไม้รสเปรี้ยว/กรดสูง VS ผลไม้รสหวาน/แป้งสูง
ไม่ควรปั่น: ส้ม, สับปะรด, สตรอว์เบอร์รี, เกรปฟรุต, มะนาว VS กล้วย, ลูกเกด, อินทผลัม, มะม่วงสุก
เหตุผล:
- ร่างกายต้องการ สภาพที่เป็นกรดสูง เพื่อย่อยผลไม้รสเปรี้ยว แต่ต้องใช้เอนไซม์ใน สภาพที่เป็นด่าง เพื่อย่อยผลไม้รสหวานที่มีแป้ง การรวมกันของสองกลุ่มนี้จะทำให้ กรดในกระเพาะอาหารเป็นกลาง ทำให้กระบวนการย่อยช้าลง ขัดขวางการย่อยอาหารทั้งหมด และนำไปสู่ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด คลื่นไส้ หรือกรดเกิน
3. กล้วย VS ผลไม้ตระกูลเบอร์รี (เพื่อคงสารต้านอนุมูลอิสระ)
ไม่ควรปั่น: กล้วย VS บลูเบอร์รี, สตรอว์เบอร์รี, ราสเบอร์รี
เหตุผล (ตามงานวิจัย):
- กล้วยและมะม่วงมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งชื่อว่า Polyphenol Oxidase (PPO) ในปริมาณสูง ซึ่งเอนไซม์นี้มีส่วนในการทำลาย สารต้านอนุมูลอิสระ (Flavonoids) ที่มีประโยชน์อย่างสูงในผลไม้ตระกูลเบอร์รี การปั่นรวมกันอาจทำให้ร่างกาย ดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระได้ลดลงถึง 84%
ทางแก้: หากต้องการปั่นกล้วยกับเบอร์รี ควรเติม แหล่งไขมันที่ดี ลงไปด้วย เช่น อะโวคาโด เมล็ดเจีย (Chia Seeds) หรือน้ำมันมะกอกเล็กน้อย เพราะไขมันจะช่วยป้องกันการทำลายสารต้านอนุมูลอิสระได้
การทำสมูทตี้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือการ ปั่นด้วยส่วนผสมที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และที่สำคัญคือต้องเลือกคู่ผักผลไม้ที่ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ลองเลือกปั่นเพียง 2-3 ส่วนผสมหลักที่เข้ากันดี และหลีกเลี่ยงคู่ต้องห้ามเหล่านี้ เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์จากสมูทตี้แก้วโปรดไปอย่างเต็มที่ที่สุด






