เปิด "4ผลไม้" หวาน แต่ น้ำตาลไม่พุ่ง สายคุมน้ำตาลต้องรู้

“หมอเจด” รอง ผอ.รพ.มหาราช นครราชสีมา แนะ 4 ผลไม้เหมาะสำหรับคนคุมหวาน–คุมเบาหวาน กินได้ไม่พุ่งน้ำตาล หลายคนอาจมองข้าม

"หมอเจดนพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า 

บางคนที่พยายามคุมหวาน งดขนม งดเครื่องดื่ม แต่บางครั้งร่างกายต้องการน้ำตาลจนกลั้นไม่ไหวจริง ๆ

ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องอดของหวานเสมอไป แค่เลือกผลไม้ให้ถูกชนิด

เพราะมีผลไม้บางตัวที่มีรสหวาน แต่ยังมีไฟเบอร์และค่า GI ต่ำ ทำให้น้ำตาลไม่พุ่งแบบพวกน้ำหวานและเบเกอรี่

กินได้แม้คุมเบาหวานหรือทำ IF แต่ต้องรู้ว่าอะไรกินได้จริงและกินแบบไหน ผมเลยมาแนะนำ 4 ผลไม้ที่หวานที่หมอแนะนำให้แทนของว่างได้เลยครับ

1. กีวี

ก่อนอื่นต้องบอกว่า กีวีเป็นผลไม้ค่าน้ำตาล (GI) ต่ำ

มีไฟเบอร์ทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลาย ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด

แถมยังมีเอนไซม์ Actinidin ที่ช่วยย่อยโปรตีน ดีมากถ้ากินหลังมื้อหนัก

✅ เวลากินที่ดีที่สุด: หลังอาหารเย็น หรือช่วงอยากของหวานตอนดึก

✅ ปริมาณแนะนำ: วันละ 1–2 ลูก

2. อะโวคาโด

หลายคนไม่รู้ว่าอะโวคาโดมีไขมันดี + ไฟเบอร์สูงมาก

ไม่ใช่ผลไม้หวาน แต่กินแล้วอิ่มนาน ช่วยตัดของหวานรอบดึก

แถมยัง ช่วยลด LDL และลดไขมันพอกตับพร้อมกัน

✅ คนที่เหมาะมาก: คนอดข้าวเย็น + กลัวหลุดของหวานช่วงดึก

✅ วิธีแนะนำ: บดกินกับเกลือหิมาลัย / บีบเลมอน / ไม่ปรุงหวานเด็ดขาด

3. แอปเปิ้ลเขียว

แอปเปิ้ลเขียวมี ไฟเบอร์ Pectin สูงมาก ทำให้น้ำตาลขึ้นช้าและช่วยให้อยู่ท้อง

ช่วยลดความอยากขนมหลังมื้อเย็นได้ดี

แนะนำกินทั้งเปลือก (แต่ต้องล้างให้สะอาด) เพราะสารอาหารเยอะอยู่ตรงนั้น

✅ เวลากินที่ดีที่สุด: 1 ลูกตอนบ่าย / ก่อนมื้อเย็น

✅ เคล็ดลับเสริม: จิ้มเกลือชมพูเล็กน้อย = ลดอยากของหวานได้

4. เบอร์รี่ตระกูลนี้ทั้งหมด

เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่

เบอร์รี่มี โพลีฟีนอล ช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน

แถมยัง ต้านการอักเสบ ลดไขมันในช่องท้อง ได้ด้วย

เหมาะกับคนที่ทั้งคุมน้ำตาล + อยากลดพุงไปพร้อมกัน

✅ เวลากินที่ดีที่สุด: ก่อนออกกำลังกาย หรือช่วงอยากของหวานระหว่างวัน

✅ กินแบบนี้ดีที่สุด: กินสด / ผสมโยเกิร์ตไขมัน 0% (อย่าใส่น้ำผึ้ง!)

การกินผลไม้ไม่ได้แปลว่าต้องงดทุกอย่างที่หวาน แค่เลือกให้ถูกเลือกชนิดที่น้ำตาลดูดซึมช้า และมีไฟเบอร์ช่วยชะลอการพุ่งของน้ำตาลในเลือด ก็ยังอร่อยได้แบบไม่รู้สึกทรมานครับ

สุขภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการห้ามทุกอย่าง แค่เริ่มจากการเลือกกินให้ดี หากใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยครับ