Star Wars ศาสนา ๕,๐๐๐ ปี : จากศาสดาซาราธุสตราในเปอร์เซียถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ในไทย

Star Wars ศาสนา ๕,๐๐๐ ปี : จากศาสดาซาราธุสตราในเปอร์เซียถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ในไทย

          “Long long ago, in a galaxy far far away.”(นานมาแล้ว ในกาแล็กซีอันไกลโพ้น) และ “May the Force be with you.”(ขอให้พลัง จงอยู่กับท่าน) สำนวนง่ายๆ ในภาษาอังกฤษทั้งสองนี้ แพร่หลายไปทั่วโลกพร้อมกับภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ของผู้สร้างภาพยนตร์ นามกระเดื่องของฮอลลีวู้ด คือ นายจอร์จ ลูคัส

          และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสี่สิบปี เป็นหนังวิทยาศาสตร์ที่ดูสนุกตื่นเต้นเหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่มีสาระแก่นสารที่แฝงไว้ ซึ่งโลกทัศน์แห่งอภิปรัชญาที่มีหลักฐานจากคัมภีร์ในภาษากรีกโบราณว่ามีอายุกว่าพันปี และมีหลักฐานสืบมาจนถึงยุคพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันในประเทศไทย
         ภาคต่างๆ ของหนังเรื่องนี้ แม้จะเป็นวิทยาศาสตร์ล้ำยุค แต่โครงเรื่องทั้งหมดวางอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์เหนือวัตถุ โลกแห่งวัตถุทั้งหมดนี้เป็นเพียงสนามรบของอำนาจฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรม มนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ นั้น         

         แม้จะมีความเหมือนกับบ้างและแตกต่างกันบ้างในสภาพสรีระร่างกาย แต่มีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งเกิดมามีศักยภาพ เมื่อได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้องแล้วจะมีพลังเหนือธรรมชาติ เป็นนักรบที่จะทำหน้าที่ประจัญบานกับฝ่ายอธรรม ซึ่งก็มีอำนาจลึกลับอีกแบบหนึ่งซึ่งมีพลังในการทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความดี
         

          Star Wars นั้นเป็นเรื่องราวการต่อสู่ระหว่างพลังฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรม ซึ่งได้กลายเป็นใหญ่ทำลายมหาอาณาจักรแห่งจักรวาล ให้อยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิฝ่ายดำอันชั่วร้าย ที่ปกครองกองทัพและขุนพลที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ด้วยพลังจิตเหนือธรรมชาติ และฝ่ายธรรมะเป็นฝ่ายที่มีชัยในที่สุด
    
          โลกทัศน์แบบเดียวกับในภาพยนตร์ชุดนี้ มิได้เพิ่งเกิดขึ้นจากฝีมือของผู้สร้างภาพยนตร์ หากแต่มีมานานแล้วในโลกนี้ไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ปี บุคคลแรกที่มีวาทะเช่นนี้คือ 
          ศาสดาชาราธุสตรา (Zarathustra) แห่งศาสนาโซโรแอสเตรียนิสม์ (Zoroastrianism)
ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีกำเนิดในดินแดนเปอร์เซียโบราณหรือ ที่เป็นประเทศอิหร่าน
          ปัจจุบัน ศาสดาซาราธุสตรานับถือเทพแห่งธรรมะและความสว่าง ชื่ออฮุรา มาสดา (Ahura Mazda) ซึ่งมีปรปักษ์เป็นเทพเจ้าฝ่ายอธรรมแห่งความมือชื่อ อังรา ไมนยู (AngraMainyu) 
         

          ในทัศนะของศาสนาโบราณนี้โลกมนุษย์คือ สมรภูมิของฝ่ายธรรมะ ฝ่ายแห่งความสว่างหรือความดีกับฝ่ายอธรรม ฝ่ายแห่งความมือหรือความชั่วร้าย 
     

          และมีมนุษย์พวกหนึ่งมีสัญลักษณ์ที่เป็น “ทิพยประภา” (Divine Spark) ซึ่งผู้มีอำนาจทิพย์ด้วยกันจะสามารถมองเห็นได้ และรู้ว่าบุคคลนั้นเกิดมาเพื่อเป็นนักรบต่อสู่กับฝ่ายดำหรือฝ่ายอธรรม
    
          ทิฐิในลักษณะนี้มีศัพท์เทคนิคทางศาสนาในภาษาอังกฤษว่า Gnosticism ซึ่งเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวของนักบวชหรือนักพรตในรูปแบบต่างๆ ในยุคโบราณก่อนยุคเหล็ก และแผ่กระจายเข้าไปสู่อินเดียตะวันออกกลางและแม้ในประเทศจีน 
          เรียกกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมนี้ว่า Gnostic Movement

          ในคัมภีร์สันสกฤตปรากฏลักษณะการแบ่งฝ่ายขาวฝ่ายดำเช่นนี้ ในคัมภีร์สังขยาโยคะของปิลฤษี ซึ่งได้กล่าวถึงสภาพเดิมแท้ของสรรพสิ่งทั้งหลายว่า ประกอบด้วยคุณสามสามฝ่าย คือ คุณฝ่ายขาว ฝ่ายดำ ซึ่งเป็นอริกันโดยตรง 
          และฝ่ายที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาได้รวดเร็ว ส่วนในคัมภีร์พระไตรปิฎกปรากฏเรื่องเทวดาเทวสงคราม ในพุทธประวัติของนิกายมหาสังฆิกะ 
         

          พระพุทธเจ้ามีปรปักษ์คือมาร ซึ่งเป็นอำนาจแห่งความชั่วร้ายที่บริสุทธิ์และเป็นอริกับพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มิใช่มีคู่ปรับคือพระเทวทัตต์เหมือนในฝ่ายเถรวาท
         

         

Star Wars ศาสนา ๕,๐๐๐ ปี : จากศาสดาซาราธุสตราในเปอร์เซียถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ในไทย

 

           คัมภีร์โบราณหลายฉบับที่ในถ้ำรอบทะเลตาย (Dead Sea) ในประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ Dead Sea Scrolls มีทิฐิแบบเดียวกัน 
          นักบวชเอสซีนซึ่งเชื่อกันว่าเป็นนิกายโบราณเมื่อสองพันปีมาแล้ว ได้แต่งคัมภีร์เหล่นี้ มีการทำสมาธิเพื่อให้บุตรแห่งความสว่าง (Children of Light) เพื่อปราบลูกของความมืด (Sons of Darkness) 
     
          ซึ่งเป็นอธรรมที่คุกคามความดีของโลกคัมภีร์เล่มหนึ่งเป็นคัมภีร์กรรมฐาน (Book of Meditation) ซึ่งใช้สอนควบคู่ไปกับคัมภีร์วินัย (Book of Discipline) แสดงให้เห็นว่าชุมชนของนักบวชเอสซีนเหล่านี้เป็นนักบวชชายล้วน ประพฤติพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัดและมีพิธีกรรมาหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับพระภิกษุ แต่มีความเชื่อว่าพวกของตนกำลังรบพุ่งกับฝ่ายอธรรมอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย 
     
          การทำสมาธิสายนี้มิได้หมดไปจากโลกเสียทีเดียว ในปัจจุบันยังมีการสอนกันในหมู่ของเชื้อสายยิวนับถือศาสนายูดาย เป็นที่รู้จักกันในนามของกับบาละฮ์ (Kabbalah)
         

          ทัศนะของนักพรตเต๋ามีความเชื่อในเรื่องสภาวะธรรมชาติที่ตรงกันข้ามกันสองฝ่ายในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนี้เช่นกัน แต่แทนที่จะเห็นว่าเป็นศัตรูที่ต้องล้างผลาญอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไป กลับเห็นว่าเป็นสิ่งที่คู่กันและประกอบอยู่ในธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่าง เรียกว่า “หยิงหยัง” แต่แทนที่จะเห็นว่าตนเองเป็นฝ่ายธรรมะ และเข้าถือหางฝ่ายนี้กลับพยายามแสวงหาดุลยภาพระหว่างธรรมสองอย่างนี้โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะมีชีวิตที่เป็นอมตะ


          ความเชื่อในเรื่องสงครามกับฝ่ายอธรรมนั้น ปรากฏในตำนานของคริสต์ศาสนาเช่นเดียวกัน โดยเรียกฝ่ายที่เป็นอริกับพระผู้เป็นเจ้าว่าซาตาน และโลกกำลังรอสมรภูมิสุดท้ายที่กองทัพของพระผู้เป็นเจ้าจะรบพุ่งครั้งสุดท้ายกับพญามาร และเรียกศึกครั้งนั้นว่า Armageddon         

         

          วิชชาธรรมกายของเหลวพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่มีทิฐิในลักษณะดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน แม้ว่าในการปฏิบัติเบื้องต้นตามแนววิชชาธรรมกายนั้นจะเป็นไปเพื่อละกิเลส เพื่อให้เข้าถึงนิพพานแต่วิชชาธรรมกายชั้นสูงนั้นเรียกว่าวิชชารบ คือ เป็นไปเพื่อธรรมกาย ฝ่ายธรรมภาคปราบจะทำวิชชา เพื่อปราบมารหรืออำนาจฝ่ายดำให้หมดไป เพื่อชัยชนะอย่างถาวร 

          ซึ่งนำมาสู่การสิ้นสุดของการเวียนวายตายเกิดของสรรถสัตว์ทั้งหมด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือการสิ้นสุดของวัฏสงสาร สัตว์โลกทุกชีวิตบรรลุธรรมกายเข้าพระนิพพานทั้งหมดพร้อมกันนั่นเอง 
         

          แม้หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ มรณภาพไปกว่า ๔๐ ปีแล้ว ในปัจจุบัน “การทำวิชชาปราบมาร” ยังเป็นที่ปฏิบัติกันอยู่ในสำนักต่างๆ ในสายของท่าน
  

          เป็นไปได้ว่าอภิปรัชญาของ Star Wars นั้นเป็นเหตุประจวบเหมาะจากจินตนาการของผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดต่อไปว่า ตลอดระยะเวลานับพันปีที่ศาสนา ฤษี นักพรตและนักบวช ซึ่งไม่เคยรู้จักกันเลย ต่างปฏิบัติตามแนวการปฏิบัติของตนจะมีประสบการณ์และโลกทัศน์ในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน 
     

          การค้นพบทางจิตวิญญาณเหล่านี้เป็นเพียงเหตุประจวบเหมาะ คือ เกิดขึ้นโดยบังเอิญกระนั้นหรือ?

           หรือว่า การค้นพบของแต่ละท่านเหล่านั้นตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สะท้อนสัจธรรมในธรรมชาติที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าความเข้าใจของมนุษย์ธรรมดาเข้าไปอีก?

 

ขอพลัง......จงสถิตย์กับท่าน
 

ติดตามอ่านหัวข้อที่เกี่ยวข้องได้ที่

http://www.tnews.co.th/contents/396199

http://www.tnews.co.th/contents/396258

http://www.tnews.co.th/contents/393982

http://www.tnews.co.th/contents/393957

http://www.tnews.co.th/contents/396445

http://www.tnews.co.th/contents/396448

http://www.tnews.co.th/contents/396456